บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/2562 (เม.ย. ถึง มิ.ย.) พบมีรายได้รวม 1,463 ล้านบาท กำไรสุทธิ 67.814 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 33.2% (ไตรมาส 2/2561 กำไรของแกรมมี่อยู่ที่ 50.88 ล้านบาท)
ทั้งนี้บริษัทยังได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 ตามงบการเงินเฉพาะกิจการให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 81.99 ล้านบาท คิดเป็น 62% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ โดยบริษัทฯ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 12 กันยายน 2562
บุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในไตรมาส 2/2562 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า บริการและค่าลิขสิทธิ์จำนวน 1,458 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 13.7% สืบเนื่องจากในไตรมาสนี้ไม่มีกำหนดฉายภาพยนตร์เรื่องใหม่ และธุรกิจเทรดดิ้งลดลงเล็กน้อย
“ด้านธุรกิจดิจิทัลทีวี 2 ช่อง ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการดิจิทัลทีวีของภาครัฐ ประกอบกับความสามารถในการพัฒนาช่องอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาระผลขาดทุนการร่วมค้าของบริษัทเปลี่ยนจากผลขาดทุนมาเป็นผลกำไรในไตรมาสนี้ โดยสถานะทางการเงินของบริษัทมีความเข้มแข็งภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ ส่งผลให้ภาระหนี้สินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.33 เท่า”
สำหรับโครงสร้างรายได้ในปัจจุบันของแกรมมี่ จำแนกออกเป็น ‘ธุรกิจเพลง’ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ประกอบด้วยการจำหน่ายสินค้าเพลง (Physical Product), ดิจิทัลมิวสิก, การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์, ธุรกิจโชว์บิซ, ธุรกิจบริหารศิลปิน และธุรกิจอื่นที่สนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทในไตรมาส 2/2562 โดยบริษัทมีรายได้จากธุรกิจเพลง 893 ล้านบาท คิดเป็น 61% ของรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมด เพิ่มขึ้น 3.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจดิจิทัลมิวสิกและธุรกิจบริหารศิลปินซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่หลายรายการ เช่น PECK PALITCHOKE Concert#2: LOVE IN SPACE, What The Fest! Music Festival 2 และคอนเสิร์ต ต่าย อรทัย ดอกหญ้ากลางเมืองใหญ่
ธุรกิจเทรดดิ้ง ประกอบด้วยธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าโฮมช้อปปิ้งและธุรกิจจัดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวี โดยไตรมาสนี้ธุรกิจโฮมช้อปปิ้งมีรายได้ 422 ล้านบาท ลดลง 23.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนธุรกิจกล่องรับสัญญาณทีวีมีรายได้ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ธุรกิจภาพยนตร์ เนื่องจากในช่วงไตรมาสที่ผ่านมายังไม่มีภาพยนตร์ใหม่เข้าฉาย แต่มีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์จำนวน 33 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/2561 มีภาพยนตร์ น้อง.พี่.ที่รัก เข้าฉายในช่วงนั้น รายได้รวมของไตรมาสดังกล่าวจึงสูงถึง 183 ล้านบาท
ธุรกิจการลงทุน ประกอบด้วย บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจดิจิทัลทีวี ‘ช่อง One31’ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้มีละครที่ได้รับกระแสตอบรับดีหลายเรื่อง ขณะที่บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง จำกัด ประกอบด้วยธุรกิจดิจิทัลทีวี ช่อง GMM25, ธุรกิจวิทยุและโชว์บิซ, ธุรกิจผลิตคอนเทนต์
ด้านธุรกิจอื่นๆ ในไตรมาสนี้มีรายได้ 38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ต้นทุนขายและบริการไตรมาสนี้เท่ากับ 851 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 18.6% เนื่องจากไม่มีต้นทุนภาพยนตร์ใหม่และต้นทุนขายของสินค้าลดลง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)
