×

Grammy ผนึก LINE TV หยิบคอนเทนต์เพลงทุกมิติลงออนไลน์ เผยรายได้ธุรกิจดิจิทัลเพลงปี 2017 โตขึ้น 28%

06.03.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • GMM Grammy จับมือ LINE TV นำคอนเทนต์ด้านเพลงในทุกๆ มิติ ทั้งมิวสิกวิดีโอ, วาไรตี้โชว์ และไลฟ์สด มาออนแอร์ในแพลตฟอร์มของ LINE TV เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ด้านดนตรีที่มีมากกว่าแค่การฟังเพลง
  • ผลประกอบการของ GMM Music ด้านธุรกิจดิจิทัลในปีที่ผ่านมาโตขึ้นกว่า 28% โดยรายได้จากธุรกิจดิจิทัลอยู่ที่ประมาณ 40% ซึ่งทีมผู้บริหารตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 50% ให้ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า ส่วนช่องทางทำเงินหลักของบริษัทมาจากค่าโฆษณาที่จำแนกเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของรายได้ทั้งหมด หรือราวๆ 1,500 ล้านบาท

GMM Grammy ผนึกกำลัง LINE TV ดันคอนเทนต์เพลงทุกๆ มิติลงแพลตฟอร์มออนไลน์ ด้าน ภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ GMM Music เชื่อ คอนเทนต์เพลงต้องเป็น ‘มากกว่า’ แค่เพลงให้ฟังอย่างเดียว เผยผลประกอบการธุรกิจดิจิทัลเพลงของบริษัทในปีที่ผ่านมาโตขึ้นกว่า 28%

 

วันนี้ (6 มี.ค.) บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และ LINE TV ได้ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการ นำคอนเทนต์เพลงทุกมิติจากฝั่ง GMM Music ครอบคลุมตั้งแต่ Artist Content (รายการวาไรตี้ที่มีศิลปินเป็นผู้ดำเนินรายการ) และ Premium Music Content (มิวสิกวิดีโอ, ทัวร์คอนเสิร์ต, แฟนมีตติ้ง และไลฟ์สด) มาลงแพลตฟอร์มออนไลน์ของ LINE TV โดยจะเริ่มต้นออกอากาศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

 

ภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ GMM Music บอกว่า วงการเพลงคงเลี่ยงการถูก Disrupt ไม่ได้ แต่ตนมองว่าเป็นโอกาสที่ดี เพราะจะเป็นการก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลง และวันนี้คนฟังเพลงก็ย้ายตัวมาโลกออนไลน์กันเยอะ

 

“เสน่ห์และปัจจัยที่ GMM Music ทำยึดหลัก 3O คือ Online, On-Air และ On Ground มาตลอด ซึ่งการทำให้เพลงและศิลปินดังยังเป็นหัวใจที่สำคัญของค่ายเพลง เป็นหน้าที่ที่เราต้องส่งเสริม แต่การพาเพลงและศิลปินเข้าไปอยู่ในวิถีชิวิตของคนทุกที่ ทุกเวลา ทุกความรู้สึก ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะฉะนั้นการจับมือกับแพลตฟอร์มที่มีคุณภาพสูงอย่าง LINE TV คือสิ่งที่เราจริงจังและเต็มที่มากๆ”

 

จากการเปิดเผยของภาวิตพบว่า คนไทยยังฟังเพลงไทยเป็นหลักที่ประมาณ 80-90% บนอุปกรณ์จำพวกสมาร์ทโฟน 80% โดยข้อมูลการสำรวจของนีลเส็นในปี 2560 ที่ผ่านมายังระบุอีกด้วยว่า ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่กว่า 70% นิยมการฟังเพลงจากบริการสตรีมมิงมิวสิก ส่วน 94% บอกว่าเดือนที่ผ่านมาพวกเขาฟังเพลงบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งโดยเฉลี่ยต่อผู้ใช้งาน 1 คนจะฟังเพลงประมาณ 216 นาทีต่อวัน

 

 

อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย บอกว่าตลอดระยะเวลาการเปิดให้บริการเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา LINE TV มีความโดดเด่นใน 3 ด้านทั้งการเป็นทีวีรีรันอันดับหนึ่ง, การสร้างออริจินัลคอนเทนต์ และการเป็นผู้ให้บริการชมคอนเทนต์พรีเมียมออนไลน์แบบฟรีๆ โดยเป้าหมายต่อจากนี้คือการพา LINE TV ขึ้นไปเป็น Online Video Streaming Platform เบอร์หนึ่งให้ได้ และคอนเทนต์จำพวก ‘เพลง’ ก็จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

 

“ในปีนี้ เพลงเป็นหนึ่งในหมวดหมู่คอนเทนต์ที่เราจะมุ่งเน้นพัฒนามากขึ้น การที่เราจับมือกับ GMM Grammy ก็จะแสดงให้เห็นประสบการณ์ทางดนตรีที่เราอยากสร้างให้กับผู้ชม LINE TV เป็นอย่างไร ส่วนใหญ่เพลงเป็นส่ิงที่มนุษย์เรา ‘ฟัง’ มากกว่า ‘ดู’ แต่สิ่งที่เราทำคือการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่การฟังเพลงแต่ต้องชมได้ด้วย”

 

คอนเทนต์ที่ GMM Music จะผลิตป้อน LINE TV แบ่งออกเป็น 2 หมวดใหญ่ผ่าน 3 หมวดหมู่คือ เพลงร็อก, เพลงป๊อป และเพลงลูกทุ่ง ได้แก่ Artist Content เช่น รายการวาไรตี้โชว์​, เกมโชว์ และเรียลิตี้โชว์ จำนวน 12 รายการ ที่จะมีศิลปินนักร้องเป็นพิธีกรและเจ้าของรายการ เช่น รายการ ต่าย อรทัย สะบายดี พาเที่ยว สปป.ลาว, รายการ เที่ยวบ้านพี่ไมค์ กับบทบาทเกษตรกรมากความสามารถของ ไมค์ ภิรมย์พร และรายการ ฮาแทะเล็ม โดย โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน ฯลฯ

 

และคอนเทนต์หมวด Premium Music Content ประกอบไปด้วยมิวสิกวิดีโอที่จะดูได้ก่อนแพลตฟอร์มอื่นๆ 30 วัน (เฉพาะบางเพลง), ช่วง​ LIVE Session โดยศิลปิน, School Tour และช่วง Fan Meet จากศิลปินระดับแม่เหล็กของค่ายอย่าง เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร, โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน และป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง

 

ภาวิตบอกว่า “สิ่งที่เรามุ่งมั่นพัฒนาไม่ใช่แค่เพลงหรือศิลปินอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่สองสิ่งนี้ต้องเดินทางไปควบคู่กัน เป้าหมายหลักของแกรมมี่คือต้องผลิตเพลงและศิลปินออกมาให้มีคุณภาพมากที่สุด มีแผนงานอย่างต่อเนื่องเป็นระยะกับการสร้างศิลปิน ต้องไม่เป็น Shooting Star (ดังแค่ชั่วข้ามคืน แต่ยืนระยะไม่ได้) เราต้องทำให้ศิลปินมีเส้นทางความสำเร็จในวงการเพลงเป็นหลัก 10-20 ปีให้ได้

 

“นอกจากบทบาทด้านธุรกิจเพลง สิ่งที่ GMM Grammy เป็นคือการ Based True on Content Provider ทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพป้อนแพลตฟอร์มต่างๆ ตลอดจนนำไปฉายในต่างประเทศ ซึ่งก็เป็นที่มาของการจับมือกับ LINE TV ในวันนี้ที่เราให้ความสำคัญมากกว่าแค่เรื่องดนตรี (Beyond Music) สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ด้านเพลง และในอนาคตมันจะแตกแยกย่อยเป็นบริการหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ในระยะยาวได้อีกด้วย

 

“ยุคนี้การปรับตัวของแกรมมี่คือยุคที่เรามองไม่เห็นการต่อยอดความสำเร็จเดิม เราเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเพลงในประเทศไทยมาเกือบๆ 35 ปีแล้ว ฉะนั้นการที่เราทำสินทรัพย์มหาศาลทั้งด้านเพลงและศิลปินจึงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และยังต่อยอดสิ่งใหม่ๆ ได้ ซึ่งเราเชื่อว่าการสร้างสิ่งเหล่านี้จะต้องเดินควบคู่ไปกับการมีพาร์ตเนอร์”

 

อริยะกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ความร่วมมือในครั้งนี้คือการต่อยอดจากความร่วมมือที่ LINE TV และ GMM Grammy ทำกันมาเป็นปกติอยู่แล้ว เช่น มิวสิกสติกเกอร์ หรือส่ิงแปลกใหม่ที่คนอื่นๆ ไม่เคยทำมาก่อน “เราใช้แพลตฟอร์มของ LINE มาช่วยสนับสนุนศิลปินทั้งในด้านการเปิดตัวหรือทำคอนเทนต์ที่ไม่มีที่อื่น เพลงไม่ได้เป็นแค่มิวสิกวิดีโอเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นรายการหรือคอนเทนต์รูปแบบใหม่ๆ ได้ด้วย นี่คือสิ่งที่พวกเราพยายามสร้างร่วมกัน”

 

 

ด้านประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ  GMM Music เชื่อว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยสร้างโอกาสได้มากถึง 3 ประการ ข้อแรกคือการให้ศิลปินได้ขยายขอบเขตความเป็นตัวตนมากกว่าการร้องเพลงหรือเล่นดนตรี ช่วยให้เห็นมิติความเป็นมนุษย์ที่หลากหลาย ประการถัดมาคือการเพิ่มฐานแฟนคลับซึ่งกันและกันของแต่ละแพลตฟอร์ม และสุดท้ายยังเป็นการเพิ่มทางเลือกรับชมคอนเทนต์แบบไม่จำกัดเวลาให้กับผู้ชมอีกด้วย

 

ภาวิตยังเผยตัวเลขข้อมูลที่น่าสนใจของสัดส่วนรายได้ GMM Music ในปีที่ผ่านมา พบว่ารายได้จากการโฆษณายังเป็นสัดส่วนของรายได้หลักของบริษัทที่ประมาณ 40% หรือราวๆ 1,500 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากธุรกิจดิจิทัลก็อยู่ที่ราวๆ 40% เช่นกัน ซึ่งรายได้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว (2559) ประมาณ 28% พร้อมตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าจะต้องดันรายได้เพิ่มเป็นสัดส่วน 50% ให้ได้ ขณะที่สัดส่วนที่เหลืออีกประมาณ 20% แบ่งเป็นรายได้จาก Physical Products (สินค้าที่จับต้องได้) และ Publishing Right (การดำเนินการจัดการค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ)

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising