Goldman Sachs เตือนว่า การเปิดประเทศของจีน ซึ่งมาเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ อาจนำไปสู่ปัญหาแรงงานขาดแคลน และทำให้ห่วงโซ่อุปทานประสบภาวะหยุดชะงักอีกครั้งในระยะสั้น แต่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจจีน เศรษฐกิจในภูมิภาค และเงินหยวนในระยะยาว
ในบันทึกของ Goldman Sachs เตือนว่า โมเมนตัมการเติบโตของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะอ่อนแอในช่วงแรกที่จีนผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้จีนเผชิญปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานเป็นการชั่วคราว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘จีนเปิดประเทศ’ เร็วกว่าคาด ประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ เริ่ม 8 มกราคมปีหน้า
- ประกาศแล้ว! อิตาลีเตรียมบังคับผู้เดินทางจากจีนทุกรายตรวจโควิดก่อนเข้าประเทศ หลังพบผู้เดินทางจากจีนสู่มิลานครึ่งหนึ่ง ‘ติดโควิด’
- หอการค้าฯ มองตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้าอาจสูงถึง 25 ล้านคน หลังจีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ แนะภาคบริการเร่งเตรียมพร้อมรองรับ
นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ซึ่งรวมถึง Lisheng Wang และ Hui Shan ระบุในบันทึกว่า การเปิดประเทศใหม่อย่างรวดเร็ว อาจสร้างความท้าทายต่อระบบสาธารณสุขของจีนอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่พัฒนาน้อยและพื้นที่ชนบท ในช่วงวันตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง พร้อมทั้งคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันของจีนจะถึงจุดสูงสุด (Peak) ในช่วงปลายเดือนธันวาคมหรือต้นเดือนมกราคม
จากการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดย Reuters คาดการณ์ว่า กิจกรรมโรงงานของจีนน่าจะหดตัวในเดือนธันวาคม โดยดัชนี PMI ภาคการผลิต ซึ่งจะเปิดเผยในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ (31 ธันวาคม) คาดว่าจะอยู่ที่ 48 ทั้งนี้ ตัวเลขดังนี้ PMI ที่ต่ำกว่า 50 หมายถึงการหดตัว
เป็นบวกต่อแนวโน้มต่อเศรษฐกิจและเงินหยวนในระยะยาว
แม้จะมีความกังวลในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์กลับมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว
โดย Goldman Sachs ยังระบุอีกว่า การเปิดประเทศของจีนเร็วๆ นี้ สนับสนุนการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของบริษัทว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2023 จะเติบโต 5.2% หลังจากขยายตัว 1.7% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022 และยังส่งผลดีต่อเงินหยวนที่ซื้อขายในประเทศ (Onshore Yuan) โดยคาดการณ์ว่า เงินหยวนจะรักษาระดับที่ราว 6.9 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐไว้ได้
นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs กล่าวอีกว่า มาตรการล่าสุดของจีนยังน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกจิของภูมิภาคโดยรอบ เมื่อการเดินทางเข้าสู่ภาวะปกติ
โดยในบันทึกเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ฮ่องกงและสิงคโปร์มีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด โดย GDP จะเพิ่มขึ้นอีก 2.7% และ 1% ขณะที่ ไต้หวัน ออสเตรเลีย และมาเลเซีย จะเห็นการสนับสนุนทางเศรษฐกิจในระดับปานกลาง โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 0.4%
Iris Pang หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของ ING คาดว่า การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนในจีนจะกลับมา ในช่วงวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ นอกจากนี้ การเดินทางระหว่างประเทศโดยรวมที่เพิ่มขึ้นจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น สายการบิน ที่พักโรงแรม และการจัดเลี้ยงด้วย
อ้างอิง:
