นอกเหนือจากการลุ้นว่าใครจะเป็นผู้คว้ารางวัลใหญ่ในสาขาต่างๆ และเฝ้าจับจ้องชุดที่เหล่าคนดังต่างประโคมใส่กันเพื่อเดินเฉิดฉายบนพรมแดง หนึ่งในสิ่งที่อยู่ในความสนใจของเราคงหนีไม่พ้น อาหารในจานที่ถูกยกมาเสิร์ฟในภายในงาน เพราะเรานั้นอยากรู้เหลือเกินว่าพวกเขากินหรือดื่มอะไรกัน
ปีนี้เมนูอาหารในงานลูกโลกทองคำได้ถูกรังสรรค์ขึ้นโดย แมทธิว มอร์แกน (Matthew Morgan) หัวหน้าพ่อครัวของ The Beverly Hilton เมื่อเขาเริ่มจานแรกด้วยซุปวิชีสวาสทำจากมันหวาน โรยหน้าด้วยต้นหอม กุยช่าย และเมล็ดฟักทองอบ
อาหารเรียกน้ำย่อย
ส่วนอาหารจานหลัก ได้แก่ ปลากะพงขาว เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมนิล หน่อไม้ฝรั่ง และแครอต แม้ว่าเมนูปลากะพงขาวจะฟังดูเข้าที แต่ก็ไม่ใช่เมนูหลักเพียงหนึ่งเดียว เพราะยังมีเมนูมังสวิรัติที่นำฟักทองน้ำเต้ามาใส่ไส้ด้วยฮัมมัสพริกหวาน ผักสวิสชาร์ด ถั่วชิกพีอบกรอบ ลูกเกด และต้นอ่อนทานตะวัน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ไม่นิยมรับประทานเนื้อสัตว์
จานหลักอย่างปลาเนื้อขาวและข้าวหอมนิล
เมนูทางเลือกสำหรับผู้ไม่กินเนื้อสัตว์
ต่อจากจานหลักก็มาถึงขนมหวานที่เชฟขนมประจำงาน โทมัส เฮนซี (Thomas Henzi) เสิร์ฟ Pistachio Cream Chesse Ivory ซึ่งเป็นเค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง Vanilla Kirsch Genoise และครีมชีส โดยมีพิสตาชิโอตรงกลาง นับเป็นครั้งแรกที่งานลูกโลกทองคำจะเสิร์ฟเมนูขนมซึ่งเป็นกลูเตนฟรี
ขนมหวานจานนี้ไม่มีแป้งเป็นส่วนผสม
แน่นอนว่าภายในงานต้องมีเครื่องดื่มไม่อั้น และ Moët & Chandon ก็ยังคงเป็นแชมเปญหลักประจำงานลูกโลกทองคำติดต่อกันเป็นปีที่ 28 ซึ่งนั่นหมายความว่า เหล่าคนดังจะมีแชมเปญ Moët หลากประเภทให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น Moët & Chandon Impérial minis จำนวน 1,500 ขวด หรือ Moët & Chandon Grand Vintage 2008 และ Magnet Moët Rosé Impérial นอกจากนี้ยังมีซิกเนเจอร์ค็อกเทลอย่าง The Moët Belle ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นโดยนักแสดงและผู้กำกับหญิงชาวอเมริกัน-บราซิล คามิลลา เบลล์ (Camilla Belle) เมื่อเธอเติมความร้อนแรงด้วยการนำสปิริตประจำชาติของบราซิลอย่าง Cachaca (คาซาค่า) ซึ่งกลั่นจากน้ำอ้อย ผสมด้วยน้ำมะม่วง น้ำเชื่อมขิง น้ำมะนาวสด และ Moët & Chandon Brut Impérial ก่อนที่ส่วนผสมทั้งหมดจะถูกเสิร์ฟในแก้วคูป ตกแต่งด้วยกล้วยไม้สีขาว
ซิกเนเจอร์ค็อกเทลประจำงาน
คามิลลา เบลล์ พร้อมเครื่องดื่มในมือ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: