Chantelle Schieven หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Capitalight Research กล่าวว่ากำไรของทองคำในระยะเวลาอันใกล้อาจถูกจำกัด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่แท้จริงสูงขึ้น และทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะทำให้ความต้องการทองคำในตลาดยังมีอยู่ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ราคาทองคำจะขยับขึ้นไปแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง โดย Schieven คาดว่าราคาทองคำปีนี้จะขยับอยู่ระหว่าง 1,800-1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนที่จะขยับสูงกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วงครึ่งปีหลังหรือต้นปี 2024
Schieven เสริมว่าหลังจากตรวจสอบความคิดเห็นของ เจอโรม พาวเวลล์ แล้ว มีโอกาสที่ดีที่ Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุม 2 ครั้งถัดไป
อย่างไรก็ตาม Schieven เชื่อว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ไม่จำเป็นต้องเป็นผลกระทบทางลบต่อทองคำ เนื่องจากนโยบายของ Fed ยังคงเสี่ยงที่จะผลักดันเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างลึกล้ำ แม้ว่าทองคำจะไม่ต้องการวิกฤตเพื่อขยับให้สูงขึ้น แต่ทองคำก็เป็นที่รักในยามวิกฤต
หัวหน้านักวิจัยจาก Capitalight กล่าวอีกว่า แม้ราคาทองคำอาจถูกจำกัดในระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่ความกลัวต่อภาวะถดถอยที่เพิ่มขึ้นกำลังช่วยให้โลหะมีค่ามีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยราคาทองคำขณะนี้ทรงตัวอยู่เหนือ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งข้อมูลของ Capitalight พบว่า มีนักลงทุนสนใจทองคำเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อและความเสี่ยงอื่นๆ เช่น วิกฤตการเงิน จากปัญหาหนี้สูง ขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าอาจกระตุ้นให้เกิดวิกฤตหนี้สาธารณะทั่วโลก
ความเป็นไปได้ทั้งหมด ย่อมทำให้นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยราคาทองคำล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม ขยับขึ้น 0.84% ขึ้นมาอยู่ที่ 1,833.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘ทองคำ’ กำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ และอาจกลายเป็น ‘ทางรอด’ ของประเทศที่ถูกควํ่าบาตร
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- แบงก์ชาติจีน ‘ตุนทองคำเพิ่ม’ เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน หลังกลับมาซื้อครั้งแรกรอบ 3 ปี
อ้างอิง: