×

Godzilla vs. Kong ดุเดือดสมการรอคอย การเผชิญหน้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่แฟนหนังทั่วโลกต้องยอมศิโรราบ

26.03.2021
  • LOADING...
Godzilla vs. Kong ดุเดือดสมการรอคอย การเผชิญหน้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่แฟนหนังทั่วโลกต้องยอมศิโรราบ

นับตั้งแต่วันที่ Warner Bros. ปล่อยตัวอย่างแรกของ Godzilla vs. Kong ผลงานลำดับที่ 4 จากจักรวาล MonsterVerse ออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็ได้เสียงตอบรับจากสาวกหนังสัตว์ประหลาดอย่างล้นหลาม จนกลายเป็นหนึ่งในหนังฟอร์มยักษ์ที่แฟนทั่วโลกเฝ้ารอการถึงมากที่สุดของปี 2021 

 

ซึ่งผู้กำกับอย่าง อดัม วินการ์ด ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวัง เพราะการเผชิญหน้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่อย่างก็อดซิลล่าและคองในครั้งนี้มาพร้อมกับฉากแอ็กชันที่ดุเดือดและจัดเต็ม เรียกได้ว่าแฟนๆ อยากเห็นอะไร อดัมก็พร้อมเสิร์ฟให้แบบไม่อั้น

 

Godzilla vs. Kong บอกเล่าเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ใน Godzilla: King of the Monsters (2019) เมื่อคองถูกกลุ่มมนุษย์นำตัวมาจากเกาะบ้านเกิด โดยมีเด็กสาวคนหนึ่งที่สามารถสื่อสารกับคองได้เดินทางมาด้วย แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ ก็อดซิลล่าได้ปรากฏตัวขึ้นและเข้าโจมตีคอง พร้อมกับออกอาละวาดทำลายบ้านเมืองอย่างไร้สาเหตุ จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นการต่อสู้ของสองสัตว์ประหลาด ขณะที่ฝ่ายมนุษย์ต้องร่วมมือกันค้นหาความจริงว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้

 

 

นับตั้งแต่วันที่ Godzilla (2014) หนังเปิดจักรวาล MonsterVerse ของผู้กำกับ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ ออกฉายสู่สายตาผู้ชม มาจนถึง Godzilla vs. Kong เราจะสังเกตได้อย่างชัดเจนถึงพัฒนาการของจักรวาลสัตว์ยักษ์ที่เริ่มจับทางได้ว่าจุดขายของตัวเองคืออะไร ควบคู่ไปกับการขยายจักรวาลของตัวเองให้น่าสนใจยิ่งขึ้น 

 

จุดสังเกตที่เห็นได้ชัดจาก Godzilla vs. Kong คือการที่ผู้กำกับอย่าง อดัม วินการ์ด ตระหนักดีว่าผู้ชมอยากจะเห็นอะไร เขาจึงไม่รีรอที่จะเสิร์ฟฉากแอ็กชันอันดุเดือดให้แฟนๆ ได้ชมแบบจัดเต็ม พร้อมทั้งพยายามลดทอนบทบาทและความซับซ้อนในพาร์ตเนื้อเรื่องฝั่งมนุษย์ลง เรียกได้ว่าตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง เราจะได้เห็นสองยักษ์ใหญ่อย่างคองและก็อดซิลล่าปรากฏตัวอย่างไม่ขาดสาย พร้อมทั้งฉากแอ็กชันในช่วงท้ายเรื่องที่ยาวนานกว่า 10 นาที 

 

สลับมาที่พาร์ตเนื้อเรื่องฝั่งมนุษย์เองก็ทำหน้าที่บอกเล่าประเด็นสำคัญที่ผู้ชมควรรู้ และขับเคลื่อนเนื้อเรื่องให้ดำเนินต่อไปอย่างกระชับฉับไว ไม่ยืดเยื้อ อีกทั้งยังหยิบประเด็นที่หนังภาคก่อนอย่าง Godzilla: King of the Monsters (2019) ทิ้งเอาไว้ในตอนจบกลับมาต่อยอดได้อย่างสมเหตุสมผล โดยเฉพาะการเปิดเผยเรื่องราวของ Hollow Earth ดินแดนใต้พิภพของเหล่าไททันที่เคยถูกกล่าวถึงมาแล้วใน Kong: Skull Island (2017) เองก็ถือเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่ผู้สร้างสามารถนำไปต่อยอดเรื่องราวในจักรวาล MonsterVerse ให้กว้างใหญ่และน่าสนใจกว่าเดิมได้อีกด้วย

 

 

อย่างไรก็ตาม การที่ Godzilla vs. Kong เลือกจะลดทอนความสำคัญของเรื่องราวส่วนของตัวละครมนุษย์ให้น้อยลงไป ผู้เขียนเองกลับรู้สึกเสียดายเป็นการส่วนตัวที่นักแสดงระดับคุณภาพหลายๆ คนพลาดที่จะโชว์ความสามารถของพวกเขาอย่างเต็มที่ เช่น มิลลี บ็อบบี้ บราวน์ นักแสดงจากซีรีส์ Stranger Things หรือชุน โอกุริ นักแสดงหนุ่มชาวญี่ปุ่นเองก็ยิ่งน่าเสียดาย เพราะผลงานนี้เป็นการก้าวขึ้นมารับงานแสดงในหนังระดับฮอลลีวูดเป็นครั้งแรกของเขา  

 

แต่เมื่อผู้กำกับและเหล่าผู้สร้างตระหนักดีว่าหนังของพวกเขากำลังจะขายอะไร จึงทำให้โอกาสที่เราจะได้เห็นทัพนักแสดงเหล่านี้ได้โชว์ความสามารถถูกลดทอนลงไปอย่างน่าเสียดาย

 

โดยภาพรวมแล้ว Godzilla vs. Kong ถือเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของก็อดซิลล่าและคองที่สมการรอคอยอย่างแน่นอน และยังเป็นการเปิดจักรวาล MonsterVerse ให้กว้างใหญ่และชวนติดตามไม่แพ้จักรวาลหนังของค่ายอื่นๆ อีกด้วย

 

Godzilla vs. Kong เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ สามารถรับชมตัวอย่างได้ที่นี่

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising