จับตาย่างก้าวสำคัญของ ‘สิงห์ เอสเตท’ สู่ขวบปีที่ 10 โดยปี 2566 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่สิงห์ เอสเตท หรือ S ประสบความสำเร็จตามกลยุทธ์ ‘S EXCELS’ การสร้างความเป็นเลิศในทุกมิติที่เคยวางไว้ ได้แก่ ผลการดำเนินงานที่เป็นเลิศ ผนึกความแข็งแกร่งระหว่าง 4 ธุรกิจ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ทุกพอร์ตธุรกิจมีความแข็งแกร่งอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย มีการเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบขยายฐานลูกค้าครบทุกลักชัวรีเซกเมนต์ และขยายสัดส่วนการถือครองโครงการ The ESSE Sukhumvit 36 อีกทั้งลงทุนในที่ดินทำเลศักยภาพที่รองรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการในอนาคต
ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ หรือ SHR ปีที่ผ่านมาเปิดตัว SO/ Maldives โรงแรมไลฟ์สไตล์หรูระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการ CROSSROADS Maldives พร้อมยกระดับห้องพักโรงแรมในเครืออีก 5 แห่ง และต่อยอดแบรนด์ทราย หรือ SAii เพิ่มบริการที่หลากหลาย นำไปสู่รายได้อื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากราคาห้องโรงแรมของกลุ่ม
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าเดินหน้าโมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการใช้พื้นที่ของคนทำงานยุคใหม่ และกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทองได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าถึง 400 เมกะวัตต์ และแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ภายในพื้นที่ รองรับการลงทุนในอนาคต
ปี 2567 สิงห์ เอสเตทยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่งภายใต้แนวคิด ‘Go Beyond Dreams’ ตอกย้ำการเป็น ‘นักพัฒนา’ ผ่านการลงทุนและสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ตั้งเป้ารายได้โต 20% หรือมูลค่ารวมอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท
แนวคิด ‘Go Beyond Dreams’ แยกย่อยออกเป็น 3 แกนหลักในการขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่
- Go Expertise ผนึกความร่วมมือระหว่าง 4 กลุ่มธุรกิจในเครือ ดึงจุดแข็งและความชำนาญที่ต่างกันมาเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและส่งมอบคุณค่าแก่ลูกค้า
- Go Elixir ผนึกกำลังพันธมิตรใหม่เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและการลงทุน
- Go Exceed, Go Exist พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน สร้างความสมดุลของธุรกิจกับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality ภายในปี 2573
โดยยุทธศาสตร์ที่วางไว้ในแต่ละกลุ่มธุรกิจแบ่งออกเป็น
กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย ตอกย้ำ DNA ในการพัฒนาโครงการให้ได้คุณภาพระดับ ‘Best in Class’ ต่อยอดความสำเร็จโครงการบ้านแนวราบที่มีครบทุกเซกเมนต์ลักชัวรีตามแผนงาน พร้อมลงทุนในที่ดินทำเลศักยภาพที่รองรับการพัฒนาสำหรับโครงการที่จะเกิดขึ้นระยะ 3-5 ปี คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากยอดโอนเพิ่มขึ้นอีก 50% ในปีนี้
กลุ่มธุรกิจโรงแรม เดินหน้าปรับปรุงโรงแรมตามแผนการยกระดับพอร์ตโฟลิโอ 5 โรงแรมในเครือที่ประเทศไทยและต่างประเทศ ตั้งเป้าเพิ่มอัตราเฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) 25% และเสริมการใช้บริการด้านอื่นๆ สร้างรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากรายได้การเข้าพัก (Non-Room Revenue) คาดการณ์การใช้จ่ายต่อคนในการใช้บริการภายในโรงแรมเพิ่มขึ้น 15% ขณะที่การหมุนเวียนสินทรัพย์ (Asset Rotation) มุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง และหาโอกาสควบรวมกิจการของธุรกิจที่ทำให้เกิดโอกาสรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ยังคงใช้โมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นควบคู่จุดเด่นด้านที่ตั้งโครงการ ซึ่งเป็นโมเดลที่ทำให้อัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยของอาคารสำนักงานในเครือที่มากกว่าในช่วงปี 2562 ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 85% ในทุกโครงการที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้
กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง อยู่ที่ 40% ของพื้นที่ขายรวม โดยใช้ทำเลยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดศูนย์กลางระหว่างแหล่งวัตถุดิบกับเส้นทางการขนส่ง ความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภคทั้งกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีสูงถึง 400 เมกะวัตต์ และปริมาณน้ำซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเฉพาะทาง เช่น กลุ่ม Semiconductor หรือกลุ่ม Data Center นอกเหนือจากธุรกิจทางด้านอาหาร และความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นแรงหนุนสำคัญ
เหนือสิ่งอื่นใด สิงห์ เอสเตท ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน เดินหน้าเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ภายในปี 2573 ด้วยกลยุทธ์ Sustainable Development สร้าง Green Roadmap ในทุกกระบวนการของทุกธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าขยายพื้นที่ความหลากหลายทางทะเลถึง 30% และมุ่งเป็นศูนย์กลางในการสร้างสังคมคุณภาพผ่านโครงการต่างๆ กว่า 30 โครงการ นับเป็นจำนวนมากกว่า 1 แสนคน ครอบคลุมพื้นที่การดำเนินงาน 5 ประเทศในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ประเทศไทย, สาธารณรัฐมัลดีฟส์, สาธารณรัฐมอริเชียส, สหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ
ถ้าดูจากความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจทั้งหมดในมือตอนนี้ การใช้ประสบการณ์ความถนัดจากทีมในแต่ละธุรกิจมาสร้างการผนึกกำลังระหว่างธุรกิจถือว่ามีแต้มต่อ ไม่ใช่แค่ภาพรวมของกลุ่ม แต่ยังช่วยเสริมความแกร่งสำหรับแต่ละธุรกิจในกลุ่มที่อยู่ในแต่ละตลาดได้เป็นอย่างดี ชัดที่สุดก็กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย ผู้เล่นในเซ็กเมนต์อัลตราลักชัวรีก็มีไม่เยอะ และแบรนด์ก็ยังไม่ได้แข็งแรงเท่ากลุ่มสิงห์ เอสเตท ศักยภาพในธุรกิจอสังหาระดับนี้ก็ไม่ค่อยอ่อนไหวกับเศรษฐกิจมากนัก
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงแรมยังได้แรงหนุนมาตั้งแต่การปรับกลยุทธ์แบบกระจายความเสี่ยงไปหลายภูมิภาคที่เป็นทำเลศักยภาพ หรือ Well-Diversified Portfolio เสริมด้วยประสบการณ์จากทีมวิศวกรจากธุรกิจนิคมฯ ในการพัฒนาระบบการใช้พลังงานผ่านโรงแรมในเครือ ในขณะที่ธุรกิจอาคารสำนักงานและธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมก็แข็งแกร่งด้วยตัวเองจากทำเลยุทธศาสตร์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ตลาด ดังนั้นกลยุทธ์การผนึกกำลังกลุ่มธุรกิจข้างต้นจะยิ่งเสริมความแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของบริษัท
ไม่แปลกหากสิงห์ เอสเตท จะเชื่อมั่นว่า ความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2567 ทั้งจากเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนเชิงนโยบายภายในประเทศ คงสร้างได้แค่แรงกระเพื่อม แต่ไม่ถึงกับสั่นสะเทือนธุรกิจอย่างแน่นอน