×

ก้าวสำคัญในรอบ 40 ปี ของ ‘GRAMMY’ ดัน ‘จีเอ็มเอ็ม มิวสิค’ เข้าตลาดหุ้น พร้อมผลิตศิลปิน เพลง คอนเสิร์ต ป้อนตลาดไทย-เทศ

31.07.2023
  • LOADING...
GMM MUSIC

นับเป็นก้าวสำคัญในรอบ 40 ปี สำหรับ GRAMMY ประกาศดัน ‘จีเอ็มเอ็ม มิวสิค’ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยกำหนดขาย IPO จำนวนไม่เกิน 30% ของหุ้นทั้งหมด หวังสร้าง New Music Economy ลุยผลิตศิลปิน เพลง คอนเสิร์ต เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หวังป้อนตลาดทั้งไทยและต่างประเทศ 

 

“อุตสาหกรรมเพลงทั่วโลกกลับมาเติบโตถึงจุดที่เรียกว่า Music Second Wave หรือเรียกง่ายๆ ว่ากลับมาสู่จุดรุ่งเรืองสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง และกำลังเติบโตขึ้น ทำให้จีเอ็มเอ็ม มิวสิคพร้อมที่จะขยายการเติบโตในอนาคต” ภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเอ็มเอ็ม มิวสิค กล่าว

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

เช่นเดียวกับตัวเลขของอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลกจะเติบโตขึ้นอีกเป็นเท่าตัวภายในปี 2030 ส่วนใหญ่มาจาก 2 ปัจจัยคือ การเติบโตของธุรกิจ Digital Streaming และการเติบโตของธุรกิจ Showbiz โดย Spin-off ในครั้งนี้จะทำให้มูลค่าของจีเอ็มเอ็ม มิวสิคสะท้อนมูลค่าตลาดที่แท้จริงในอุตสาหกรรมเพลง

 

จากที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้อนุมัติแผนการ Spin-off ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (GMM MUSIC) ซึ่งเป็น Flagship Company ของกลุ่มจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ในการดำเนินธุรกิจเพลงแบบครบวงจร เพื่อระดมเงินทุนในการสร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมเพลงภายใต้คอนเซปต์ ‘New Music Economy’

 

โดยเงินลงทุนดังกล่าวจะนำไปใช้ขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมเพลงผ่าน 7 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย

 

  1. Double Up Production

 

จีเอ็มเอ็ม มิวสิคมีแผนจะเพิ่มการผลิตเพลงจาก 400 เพลงต่อปี เป็น 1,000 เพลงต่อปี และเฟ้นหาศิลปินจาก 120 ศิลปิน เป็น 200 ศิลปินภายใน 5 ปี

 

รวมถึงเพลย์ลิสต์เข้าสู่แพลตฟอร์มสตรีมมิงจาก 3,000 เพลย์ลิสต์ เป็น 6,000 เพลย์ลิสต์ต่อปี ตามด้วย Full Album จาก 30 อัลบั้มต่อปี เป็น 50 อัลบั้มต่อปี และศิลปินฝึกหัดจาก 150 ศิลปิน เป็น 300 ศิลปินต่อปี

 

  1. Showbiz Expansion

 

เดินหน้าขยายสเกลของมิวสิกเฟสติวัลทั่วประเทศ เพื่อรองรับจำนวนผู้ชมซึ่งจะมากกว่า 500,000 คนต่อปี พร้อมต่อยอดแหล่งรายได้ให้เติบโตทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ 

 

ขณะที่ Arena Concert นอกจากจะมีไลน์อัพที่ครอบคลุมตั้งแต่ศิลปินยุคแจ้งเกิดของบริษัทจนถึงศิลปินยุคปัจจุบัน จีเอ็มเอ็ม มิวสิคจะร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศในการขยายเซ็กเมนต์เดินหน้าสู่การเป็นผู้จัด International Fan Meeting & Concert อย่างเป็นรูปธรรม และพร้อมจับมือกับโปรโมเตอร์เจ้าต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อการขยายตัวธุรกิจ

 

  1. Local Alliance

 

ขยายพันธมิตรทางดนตรี ร่วมจับมือกับค่ายเพลงในประเทศไทย ผ่านการ M&A หรือ JV (Joint Venture) เพื่อสร้าง Synergy Value ในการขยายการผลิตและการเติบโตทางธุรกิจทุกช่องทาง ร่วมกันสร้างให้อุตสาหกรรมเพลงไทยเติบโตขึ้น

 

  1. Global Strategic Partner

 

ขยายการจับมือกับบริษัทชั้นนำในต่างชาติผ่านการ JV เพื่อการสร้างงานเพลง และส่งเสริมศิลปินไทยให้มีศักยภาพและมาตรฐานใหม่ในระดับสากล

 

อีกทั้งบริษัทได้วางแผนที่จะจับมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้นำในภูมิภาคต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา, สแกนดิเนเวีย, จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น และประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการเดินหน้า JV ต่างๆ นี้จะคล้ายคลึงกับการ JV ของจีเอ็มเอ็ม มิวสิค กับบริษัท YG Entertainment ในการจัดตั้ง JV YGMM เพื่อผลิตศิลปินไทยป้อนสู่ระดับสากล

 

  1. Media Networking

 

ขยายช่องทางการสื่อสารผ่านการสร้าง Partnership Deal หรือ JV เพื่อแลกเปลี่ยนศักยภาพทางธุรกิจที่ต่อยอดได้ ทั้งสื่อทางด้านออนแอร์, ออนบอร์ด, ออนไลน์ และออนกราวด์ 

 

  1. Data Intelligent

 

ขยายศักยภาพการบริหารจัดการข้อมูล Big Data ผ่านการลงทุนเพิ่มด้าน Data Scientist Machine Learning และระบบ AI พร้อมสร้าง Tools ใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ทั้งในเชิงการค้า การบริหารจัดการ และการพัฒนาศิลปิน รองรับธุรกิจแห่งอนาคตที่ให้ความสำคัญด้าน Personalization Offering

 

  1. New World Talent

 

เดินหน้าขยายทีมงาน บุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญ เข้ามาช่วยรองรับการก้าวไปข้างหน้าของธุรกิจเพลง

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเอ็มเอ็ม มิวสิค กล่าวต่อว่า ปี 2566 บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ครบรอบ 40 ปี แต่เราไม่ได้มองแค่เพียงความสำเร็จของตัวเราในวันนี้แล้ว แต่มองไปอีก 40 ปีข้างหน้าว่าต่อจากนี้เราจะทำอย่างไรที่จะทำให้อุตสาหกรรมเพลงไทยเติบโตร่วมไปกับทุกศิลปิน ทุกค่ายเพลง เพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่เติบโตไม่แพ้สัดส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจเพลงในตลาดโลก

 

สอดคล้องกับ ฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเอ็มเอ็ม มิวสิค กล่าวต่อไปว่า การ Spin-off ที่จะเกิดขึ้นนี้ บริษัทตั้งอยู่บนพื้นฐานของธุรกิจที่มีความแข็งแรง ทั้งขนาดรายได้ ขนาดกำไร คุณภาพของศิลปิน และคุณภาพของทีมงาน โดยมั่นใจว่าหากเราผลักดัน New Music Economy ได้นั้น อาจหมายถึงการสร้างรายได้เติบโตได้เป็น 2 เท่า

 

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาและอยู่ในขั้นตอนการสรุปดีลกับพาร์ตเนอร์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศความร่วมมือต่างๆ ได้ภายในไตรมาส 3-4 ของปี 2566 

 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน จีเอ็มเอ็ม มิวสิคมีที่มาของรายได้จาก 5 แหล่งธุรกิจหลัก ได้แก่

 

  1. Music Digital Business มียอดรายได้ที่ 1,152 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 34%
  2. Music Artist Management Business มียอดรายได้ที่ 1,177 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 35%
  3. Showbiz Business มียอดรายได้ที่ 678 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20%
  4. Right Management Business มียอดรายได้ที่ 234 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7%
  5. Physical Business มียอดรายได้ที่ 147 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4%

 

โดยในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าสร้างรายได้อยู่ที่ 3,800 ล้านบาท และพร้อมสร้างผลประกอบการแบบ New High ภายในปี 2567

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X