สำนักงานปราบปรามยาเสพติด (US Drug Enforcement Administration: DEA) อยู่ระหว่างการสอบสวน หลังพบว่ามีโอกาสที่บริษัทค้ายาเสพติดข้ามชาติ นำกำไรจากการค้ายามาฟอกเงินภายใต้แพลตฟอร์มเทรดคริปโตเบอร์ 1 ของโลกอย่าง ‘Binance’ หลายสิบล้านดอลลาร์
โดยจากข้อมูลของ Forbes เผยว่า บริษัทค้ายาเสพติดดังกล่าวมีการฟอกเงินใน Binance มูลค่าราว 15-40 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 525-1,400 ล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วงต้นปียังมีข่าวว่า Binance ได้เข้าถือหุ้นใน Forbes บางส่วนด้วยเช่นกัน
ซึ่งทาง Binance ก็ได้ให้ความร่วมมือกับฝ่ายกำกับดูแลในการช่วยสืบสวนประเด็นการฟอกเงิน จากบริษัทค้ายาเสพติดภายในแพลตฟอร์มเช่นกัน
โดยจุดเริ่มต้นในการพบหลักฐานการฟอกเงินดังกล่าว เริ่มตั้งแต่ปี 2020 จากการที่ DEA ตรวจพบว่า Carlos Fong Echavarria มีกิจกรรมการซื้อ-ขายคริปโตบน Binance เป็นมูลค่ารวม 4.7 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 164 ล้านบาท แล้วยังพบว่ามีบัญชีอื่นที่รับเงินจากบัญชีของคาร์ลอสอีกเพิ่มเติม ซึ่งในท้ายที่สุดได้ตรวจพบว่าคาร์ลอสมีความผิดฐานฟอกเงินและเป็นตัวแทนค้ายา
ซึ่งอีกบัญชีที่มีความเกี่ยวข้องกับคาร์ลอส ได้มีการซื้อคริปโต มูลค่ากว่า 42 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.47 พันล้านบาท โดยในจำนวนเงินดังกล่าว 16 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 560 ล้านบาทมาจากเงินค้ายาเสพติด
Matthew Price ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนของ Binance ได้เปิดเผยกับ Forbes ว่า นี่คือข้อดีของบล็อกเชนที่มีความโปร่งใสในธุรกรรม ที่เหล่าคนร้ายจะทิ้งประวัติธุรกรรมไว้อย่างถาวร ซึ่งสามารถนำมาใช้ต่อต้านเหล่าอาชญากรได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ในปีนี้ทาง Binance ยังให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของ DEA สำหรับการยึดเงินจากบัญชีที่มีการฟอกเงินในเม็กซิโก เป็นเงินกว่า 100 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3.5 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ Reuters เผยว่า Binance เองก็กำลังเผชิญการฟ้องร้องจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อยู่เช่นกัน จากที่มีรายงานว่างบบัญชีของบริษัท Binance นั้นเปรียบเสมือนกล่องดำ ที่แม้แต่อดีตหัวหน้าฝ่ายบัญชีของ Binance เองที่ดำรงตำแหน่งมากว่า 3 ปี ยังไม่สามารถเข้าถึงงบบัญชีรวมได้ทั้งหมด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum และทิศทางในอนาคตของเหรียญ ETH
- สรุปการล่มสลายของ FTX ที่อาจจุดชนวนวิกฤตในตลาดคริปโต
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
อ้างอิง: