เหตุการณ์ที่อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งกำลังก่อสร้างถล่มลงมานั้นถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตระหนกให้คนไทยจำนวนมาก แม้ว่าเรื่องการสืบหาต้นตอของการถล่มจะยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม แต่สิ่งที่ต้องดำเนินต่อไปก็คือการค้นหาผู้ประสบภัย ซึ่ง รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวว่าในเมื่อญาติผู้เสียชีวิตยังไม่หมดหวังเราก็ยังหมดหวังไม่ได้
การช่วยเหลือในครั้งนี้นอกจากการสนับสนุนทั้งจากหน่วยงานรัฐและเอกชนแล้ว ยังมีความช่วยเหลือจากหน่วยงานและรัฐบาลต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก และยังเป็นโอกาสให้คนไทยเห็นการทำงานของสุนัขกู้ภัยที่เรารู้จักกันในชื่อ K-9 อีกครั้ง
แน่นอนว่าในฐานะเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ สุนัขช่วยเหลือพวกเรามาหลายพันปี แม้ในปัจจุบันนี้ สุนัขยังเป็นทางเลือกเดียวในบางภารกิจ เพราะยังไม่มีเทคโนโลยีที่ดีพอที่จะทดแทนได้ เพราะนอกจากสุนัขจะเป็นสัตว์ที่มีประสาทรับและประมวลผลกลิ่นที่ดีที่สุดสายพันธุ์หนึ่งในโลกนี้ สุนัขยังมีความฉลาด ทำตามคำสั่ง และทำภารกิจที่กำหนดให้ได้ สุนัขจึงยังสำคัญมากในการค้นหาและกู้ภัย โดยเฉพาะการค้นหาผู้สูญหายในเหตุการณ์ต่างๆ
แต่ก็แน่นอนว่ามนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ทำให้แม้เรายังแทนที่สุนัขด้วยอุปกรณ์หรือเครื่องจักรไม่ได้ แต่เราเริ่มมีเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมการทำงานของสุนัขบ้างแล้ว ซึ่งเราได้เห็นในการค้นหาผู้สูญหายในเหตุการณ์ในครั้งนี้ เช่น เครื่องมือตรวจจับบุคคลหรือ Life Locator ที่ส่องทะลุผนังคอนกรีตเข้าไปค้นหาคนที่ติดอยู่ภายในได้ ซึ่งประเทศไทยมีบางหน่วยงานที่มีใช้งานบ้างแล้ว
นอกจากนั้น หน่วยงานต่างประเทศยังนำเครื่องมือของตนเข้ามาสนับสนุนการช่วยเหลือและค้นหาผู้ประสบภัยในไทยในครั้งนี้ด้วย หนึ่งในนั้นคืออิสราเอล ซึ่งกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลเรียกระดมพลกองหนุนบางส่วนมาร่วมกับทหารที่ประจำการในกองทัพอิสราเอลอยู่แล้วและส่งมายังประเทศไทยจำนวน 21 คน และตามสไตล์ของอิสราเอล ก็มักจะแสวงหาบริษัทของอิสราเอลที่มีนวัตกรรมที่สามารถสนับสนุนภารกิจในลักษณะนี้ได้ เพราะนอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทในประเทศได้ทำภารกิจจริงเพื่อทดสอบเทคโนโลยีและสร้างประสบการณ์แล้ว ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ขีดความสามารถของเทคโนโลยีของอิสราเอลเพื่อโอกาสในเชิงพาณิชย์ในอนาคต ไปพร้อมกับการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศที่ไปช่วยเหลือ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งการช่วยเหลือทีมหมูป่าที่ถ้ำหลวง ซึ่งอิสราเอลส่งอุปกรณ์สื่อสารผ่านถ้ำมาสนับสนุน
ในครั้งนี้ กระทรวงกลาโหมอิสราเอลนำอุปกรณ์ Xaver 100 และ Xaver 400 จากบริษัทเอกชนในประเทศเข้ามาสนับสนุนการค้นหาผู้ประสบภัย ซึ่งอุปกรณ์นี้มีคุณสมบัติเหนือกว่า Life Locator ทั่วไป เพราะวัตถุประสงค์แรกนั้นมันออกแบบมาเพื่อใช้งานทางทหาร
โดยหลักการแล้ว ถ้ามีผู้ก่อการร้ายหรือทหารฝ่ายตรงข้ามซ่อนตัวอยู่ในอาคาร เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยโดยการใช้ตามอง หรือแม้แต่การใช้กล้องตรวจจับความร้อนก็มีข้อจำกัดตรงที่ความร้อนของร่างกายมนุษย์ไม่สามารถแผ่ทะลุผนังคอนกรีตออกมาได้ เช่นเดียวกับดาวเทียมที่ไม่สามารถส่องทะลุหลังคาอาคารได้ หรือรังสีเอ็กซเรย์ที่มีข้อจำกัดคือต้องมีการรับภาพในอีกด้านหนึ่งจากการฉายรังสี ทำให้การบุกเข้าไปในอาคารต้องอาศัยการข่าวและการคาดเดาว่าจะมีใครซุ่มอยู่ตรงไหน ยังไม่นับว่าในหลายครั้งเราก็ไม่รู้ว่าด้านในอาคารมีห้องแบบใด แผนผังเป็นอย่างไรอีกด้วย
ทางออกในเรื่องนี้คือการใช้คลื่นเรดาร์ในลักษณะของ Ground-Penetrating Radar ที่มีความถี่เหมาะสม ซึ่งสามารถเจาะทะลุสิ่งกีดขวางอย่างคอนกรีต ไม้ หิน หรือกำแพงต่างๆ ได้ รวมถึงหากปรับแต่งและการคำนวณของอัลกอริทึมเหมาะสมก็สามารถทำให้เราตรวจจับบุคคลที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังกำแพงได้
แต่แน่นอนว่าถ้าคุณสมบัติแค่หาใครที่อยู่ด้านหลังกำแพงห้องมันก็ไม่ทำให้อุปกรณ์นี้ต่างจากอุปกรณ์ Life Locator ทั่วไปแต่อย่างใด ดังนั้นสิ่งที่ต่างก็คืออุปกรณ์นี้สามารถวิเคราะห์คลื่นเรดาร์ที่สะท้อนกลับออกมาเพื่อวิเคราะห์โครงสร้างและแผนผังของห้องต่างๆ ที่อยู่หลังกำแพง ทำให้ผู้ใช้ทราบคร่าวๆ ว่าหลังกำแพงของอาคารเป้าหมายนั้นมีห้องกี่ห้อง มีลักษณะห้องอย่างไร รวมถึงมีคนซ่อนอยู่ตรงไหนของห้อง เมื่อเป็นแบบนี้ก็ทำให้เราสามารถวางแผนในการบุกเข้าไปได้โดยมีประสิทธิภาพสูงสุดและหลีกเลี่ยงการสูญเสียมากที่สุด
ดังนั้นก็อาจจะไม่น่าแปลกใจนักว่าทำไมอิสราเอลถึงรู้จักเครือข่ายอุโมงค์ของกลุ่มต่อต้านอิสราเอลเป็นอย่างดี เพราะนอกจากการข่าวที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีการใช้เทคโนโลยีในลักษณะนี้เพื่อค้นหาอุโมงค์รวมถึงผู้ที่ซ่อนอยู่ในอุโมงค์ได้อีกด้วย
ซึ่งแน่นอนว่าด้วยคุณสมบัติแบบนี้ ก็สามารถประยุกต์ใช้กับการค้นหาและกู้ภัยได้ เพราะการหาผู้ประสบภัยให้เจอนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การหาทางเข้าไปถึงตัวผู้ประสบภัยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะในเหตุการณ์ตึกถล่มซึ่งมีกองเศษวัสดุกองทับกันเป็นจำนวนมาก ด้วยเครื่องมือนี้ นอกจากจะค้นหาบุคคลที่อยู่ใต้กองเศษวัสดุได้ลึกสูงสุด 20 เมตรแล้ว ยังสามารถสำรวจช่องว่างต่างๆ เพื่อสร้างแผนที่คร่าวๆ ให้หน่วยกู้ภัยรู้ว่าจะต้องเข้าไปทางไหน ต้องนำสิ่งกีดขวางตรงไหนออกไป หรือต้องเจาะทะลุอะไรเข้าไป ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหามากขึ้นกว่าเดิมมาก
เมื่อรวมกับการใช้สุนัขกู้ภัย ก็ถือเป็นการรวมสิ่งที่ดีที่สุดของเทคโนโลยีของธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันนั่นคือการค้นหาผู้ประสบภัยให้ได้เร็วที่สุด ในสถานการณ์ที่ได้ชื่อว่าซับซ้อนที่สุดสถานการณ์หนึ่งในครั้งนี้ ซึ่งหวังว่าเราจะสามารถค้นหาจนเจอผู้ประสบภัยที่รอดชีวิตทุกคนได้ในที่สุด