ส่องเทรนด์ปี 2023 อุตสาหกรรมแฟชั่นพลิกโฉมสู่ความยั่งยืน หลังพบเสื้อผ้ามือสองกลายเป็นขยะเกลื่อน ‘Gen Z’ เริ่มลดความถี่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ด้านฝั่งผู้บริหารระดับสูงมุ่งให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์วัสดุรีไซเคิล สานต่อความยั่งยืน
รายงานของ McKinsey ระบุว่า ความยั่งยืนจะพลิกโฉมวงการแฟชั่นในปี 2023 โดยเกิดขึ้นจาก Audra Gordon ผู้เคยทำอาชีพธนาคาร เธอต้องการเปลี่ยนอุตสาหกรรมแฟชั่นให้มีความยั่งยืนมากขึ้น โดยบริบทของแฟชั่นที่ยั่งยืนถูกจุดขึ้นระหว่าง Audra Gordon ขึ้นเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดในกานาเมื่อช่วงปี 2014 ทำให้เริ่มเห็นเสื้อผ้ามือสองจำนวนมากถูกทิ้งในหลุมฝังกลบ จนกลายเป็นขยะ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- H&M ประกาศเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่กว่า 1,500 คน หวังลดต้นทุน-กู้ผลกำไร พร้อมปรับโครงสร้างบริษัทรับการแข่งขัน
- เมื่อ ‘เป้าหมายสีเขียว’ และ ‘เป้ายอดขาย’ ไม่สอดคล้องกัน เปิดช่องโหว่นโยบาย สิ่งแวดล้อม ในอุตสาหกรรมแฟชั่น
- ธปท. เตรียมออก Standard Practice ด้านสิ่งแวดล้อมในไตรมาส 3 พร้อมกำหนดให้แบงก์ส่งแผนและเป้าสีเขียวที่จับต้องได้ต้นปีหน้า
ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมแฟชั่นผลิตเสื้อผ้ามากกว่า 100,000 ล้านชิ้นต่อปี หรือประมาณ 14 ชิ้นต่อคน ทำให้เสื้อผ้าหลายสิบล้านชิ้นถูกโยนทิ้งเพื่อหาเสื้อผ้าตัวใหม่มาใส่
สอดคล้องกับรายงาน The State of Fashion ระบุว่า ฟาสต์แฟชั่นเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เสื้อผ้าถูกทิ้งในชุมชนจำนวนมาก และในปี 2023 คาดว่าความยั่งยืนจะเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนให้วงการแฟชั่น
ทำให้ Audra Gordon มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง โดยนำวัสดุอินทรีย์มาใช้กับผลิตภัณฑ์ทำจากผ้าไหมและผ้าฝ้ายผสมกัน พร้อมยังใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัลเข้ามาช่วยลดการสูญเสียน้ำและพลังงาน และนำบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลจากธรรมชาติ ซึ่งเหมาะกับสภาพแวดล้อมมากกว่า ที่สำคัญสินค้าแต่ละชิ้นจะช่วยให้ปรับสายคาดเอวได้ในช่วงที่น้ำหนักเพิ่มหรือลด เพราะต้องการให้คนซื้อสินค้าใหม่น้อยลง
ขณะเดียวกัน ผู้บริหารระดับสูงหลายๆ บริษัทเริ่มมุ่งเน้นกับโครงการความยั่งยืน ผ่านการออกแบบบรรจุภัณฑ์วัสดุรีไซเคิล และการนำเส้นใยมาใช้พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงแบรนด์ Style Theory บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติสิงคโปร์ เริ่มให้ความสนใจเสื้อผ้าแฟชั่นแบบหมุนเวียนมากขึ้น โดยนับตั้งแต่ก่อตั้ง บริษัทได้รับเงินราวๆ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากนักลงทุน ซึ่งรวมถึง SoftBank Ventures Asia และ Alpha JWC Ventures
ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมมีความยั่งยืนได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะที่ผ่านมาอุตสาหกรรมแฟชั่นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมลภาวะอย่างมาก
สุดท้ายวงการแฟชั่นจะยั่งยืนได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z มากกว่าครึ่งของจีน เริ่มตั้งใจลดความถี่การซื้อเสื้อผ้าใหม่
อ้างอิง: