Q: หัวหน้าของดิฉันชอบจิกงานผ่านไลน์ บางทีก็ส่งข้อความมาหาตอนดึกดื่น พอไม่ตอบก็ว่าเราว่าอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ เสาร์-อาทิตย์ก็ยังไลน์มาหาเรื่องงาน เบื่อมากค่ะ ชาติก่อนเป็นไก่เหรอคะถึงจิกจังเลย คนนะคะไม่ใช่หนอน จะทำยังไงกับคนที่ไลน์จิกเราตลอดเวลาแบบนี้ดีคะ
A : ชาติก่อนใครเป็นไก่ ใครเป็นหนอน อันนี้ไม่รู้จริงๆ แต่ชาตินี้มาเป็นหัวหน้าลูกน้องกันแล้วคงต้องใช้กรรม เอ้ย! คงต้องหาทางอยู่ร่วมกันให้ได้นะครับ ฮ่าๆ
เทคโนโลยีสมัยนี้นี่ก็ดีเหลือเกินที่ทำให้ระยะห่างระหว่างเราใกล้กันยิ่งกว่าเดิม และคนเราก็มักจะอยู่กับโทรศัพท์ตลอดเวลา ทำให้ติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น ถ้าเราใช้มันเพื่อทำให้งานดีขึ้นก็เป็นประโยชน์ครับ แต่บางคนก็อาจจะใช้มันทำงานตลอดเวลา และความสามารถในการอดทนรอของคนก็น้อยลงกว่าเดิม ส่งข้อความไปแล้วตอบช้าก็อาจเป็นประเด็นได้ และบางทีเทคโนโลยีก็ดีเกินไปถึงขนาดที่บอกได้ว่าคนรับข้อความอ่านแล้วหรือยัง อ่านแล้วแต่ไม่ตอบก็โชว์แบบนั้นให้คนส่งกรีดร้องอาละวาดฟาดงวงฟาดงาได้อีก เอ้า?! อะไรว้า!
โดยส่วนตัว ผมคิดว่าการใช้ไลน์สื่อสารเรื่องงานเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ควรใช้เฉพาะกรณีที่ไม่เป็นทางการ ไม่ได้เร่งด่วน ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เพราะอย่าลืมว่าการส่งไลน์นั้นเป็นไปได้ว่าอีกฝั่งอาจจะไม่ได้อยู่ในเวลาที่สามารถตอบกลับได้ทันที ให้ถือว่าการส่งไลน์เป็นเหมือนการฝากข้อความไว้ ไม่ได้รีบมาก ถ้ารีบควรใช้การโทรศัพท์หา แต่บางคนอาจจะกลัวว่าโทรไปแล้วอีกฝ่ายจะไม่สะดวกรับสาย ก็สามารถใช้ไลน์แจ้งไปล่วงหน้าว่า ถ้าสะดวกเมื่อไร ขออนุญาตโทรศัพท์ไป
เพื่อความเป็นธรรม ผมอาจจะต้องถามคุณก่อนว่าการที่หัวหน้าจิกคุณผ่านไลน์ตลอดเวลานั้นเป็นเพราะงานยังไม่เสร็จหรือเปล่า หรือมีอะไรเร่งด่วนสำคัญไหม ถ้าจำเป็นจริงๆ หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการ take action เดี๋ยวนั้นก็ว่ากันไปครับ มันฉุกเฉิน เข้าใจได้ มันนิดๆ หน่อยๆ
ที่จริงหลังเวลาเลิกงานแล้วก็ควรจะเป็นเวลาส่วนตัว การจะติดต่อใครเรื่องงานหลังเวลาเลิกงานแสดงว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญคอขาดบาดตายมากจริงๆ แต่ถ้าไม่ได้รีบขนาดนั้น จะรอไปคุยกันตอนเช้าเวลางานก็ทำได้ ทุกคนทำงานในเวลางานเต็มที่แล้ว เมื่อเลิกงานก็ควรได้ใช้เวลาส่วนตัวได้เต็มที่เช่นกัน การเคารพพื้นที่ส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญในการทำงาน และแสดงถึงการให้เกียรติคนทำงานด้วยกัน เราไม่ได้เป็นคนของที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา ทุกคนมีบทบาทอื่น เพราะฉะนั้นเราควรให้เกียรติคนทำงานด้วยกันด้วยการเคารพพื้นที่ส่วนตัวของเขาด้วย
ที่ประเทศฝรั่งเศสมีกฎหมายแรงงานที่ห้ามบริษัทส่งอีเมลและข้อความเรื่องงานถึงลูกจ้างหลังเวลางาน เรียกว่า ‘สิทธิในการหยุดเชื่อมต่อ’ (Right to disconnect) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2017 เพื่อเป็นการลดความตึงเครียดต่องานและเป็นการปกป้องสิทธิในการทำงานด้วย โดยลูกจ้างสามารถเจรจากับนายจ้างว่าจะไม่อ่านหรือตอบอีเมลหลังเวลาทำงานของตัวเองได้ ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ บริษัทจะต้องวางแนวทางปฏิบัติหลังเวลาเลิกงานให้ชัดเจน
แต่ที่นี่ก็ประเทศไทยเนอะ เรามีทั้งความเกรงใจและความหยวนๆ อยู่ในตัวแบบงงๆ เราบอกกันว่าความเกรงใจเป็นคุณสมบัติของคนไทย แต่ก็งงว่าถ้าเกรงใจกันแล้วจะจิกงานตอนเที่ยงคืนเพื่อ?! ขณะเดียวกันเราก็หยวนๆ เวลางานกับเวลาส่วนตัวแบบถัวๆ กันไป ไม่กล้าแยกกันแบบโชะๆ เลยรู้สึกว่าตอนทำงานเราก็อยากทำเรื่องส่วนตัว พอถึงเวลาส่วนตัวก็ดันจะทำงาน ฮ่าๆ
เอาจริงๆ การทำงานตลอดเวลาไม่ได้ทำให้ได้งานที่ดีหรอกครับ เครียดตายเลย และชีวิตด้านอื่นก็จะพังเอา ยิ่งเครียด งานก็ยิ่งออกมาไม่ดี กายก็เหนื่อย ใจก็ล้า ไปใช้ชีวิตด้านอื่นนอกจากการทำงานบ้างเถอะ ตอนทำงานก็ทำเต็มที่ ตอนพักเราก็ควรได้พักเต็มที่เช่นกัน
ที่จริงหลังเวลาเลิกงานแล้วก็ควรจะเป็นเวลาส่วนตัว การจะติดต่อใครเรื่องงานหลังเวลาเลิกงานแสดงว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญคอขาดบาดตายมากจริงๆ แต่ถ้าไม่ได้รีบขนาดนั้น จะรอไปคุยกันตอนเช้าเวลางานก็ทำได้ ทุกคนทำงานในเวลางานเต็มที่แล้ว เมื่อเลิกงานก็ควรได้ใช้เวลาส่วนตัวได้เต็มที่เช่นกัน
คนที่ทำงานอยู่ตลอดเวลาไม่ได้แปลว่าขยันเสมอไปหรอกนะครับ แต่แปลว่าเขาไม่สามารถบริหารงานให้เสร็จในเวลาที่มีได้ เลยต้องปล่อยให้งานล้นทะลักมากินเวลาช่วงอื่นของชีวิต เผลอๆ จะลามมากินเวลาของคนอื่นด้วย อย่างที่หัวหน้าตามจิกคุณแม้จะดึกดื่นแล้วหรือเป็นวันหยุดก็ตาม
ถ้าคิดอย่างคนมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เป็นไปได้ไหมครับว่าหัวหน้าของคุณเองก็มีความทุกข์จากงานอยู่ ทำให้เขาหมกมุ่นคิดแต่เรื่องงานตลอดเวลา ซึ่งคุณสามารถช่วยให้หัวหน้าทำงานได้ดีขึ้นได้ ถ้าเขาไม่ต้องกังวลเรื่องงาน เขาก็ไม่ต้องลามมาจิกงานต่อนอกเวลา
วิธีการคือคุณควรทำให้หัวหน้าทั้ง ‘มั่นใจ’ และ ‘เกรงใจ’ ในตัวคุณ ความมั่นใจมาจากการทำให้หัวหน้าเห็นว่าคุณรับผิดชอบงานได้อย่างครบถ้วนในเวลางาน ถ้างานเสร็จเรียบร้อยดีตั้งแต่เวลาทำงานแล้ว พี่จะจิกหนูต่อเพื่ออะไรคะพี่ขา (อันนี้เก็บไว้ในใจนะ) เคลียร์กับหัวหน้าให้ชัดเจนว่าคุณรับผิดชอบงานอะไรอยู่บ้าง ตอนนี้สถานะเป็นอย่างไรแล้ว อัพเดตทุกอย่างให้หัวหน้ารู้ตั้งแต่ในเวลางาน พี่จะได้ไม่ต้องมาจิกหนูหลังเวลางานไงคะพี่ขา (อันนี้ก็เก็บไว้ในใจเช่นกัน) ถ้าแบไพ่ให้หัวหน้าดูหมดแล้วว่าคุณทำอะไรบ้าง มีเดตไลน์อย่างไร หรือมีอะไรที่หัวหน้าต้องรู้จากคุณบ้างตั้งแต่ในเวลางาน ความจำเป็นที่จะต้องจิกคุณนอกเวลาก็น้อยลง พี่จิกหนูตั้งแต่เวลางานเลยค่า!
ส่วนความเกรงใจนั้นมาจากการที่คุณทำให้หัวหน้ารู้อย่างสุภาพว่าคุณมีพื้นที่ส่วนตัวนอกเวลางาน ทำให้เห็นว่าเมื่ออยู่ในเวลางานคุณก็ตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุด เช่นเดียวกัน นอกเวลางานคุณก็ไม่ก้าวก่ายเวลาส่วนตัวของหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานคนไหน เอาเป็นว่าอย่างน้อยหัวหน้าก็น่าจะรู้สึกว่าคุณก็ไม่ได้รบกวนเขาในวันหยุด หรือถ้าหัวหน้าไลน์มาตอนเที่ยงคืนหรือตีสอง ผมคิดว่าปล่อยผ่านไปเลยครับ ไม่ต้องมีปฏิกิริยาตอบสนอง นอนเลย เพราะยิ่งถ้าแสดงให้เห็นว่าคุณเองก็เปิดรับการสื่อสารนอกเวลางานด้วยการอ่านข้อความ คนส่งก็จะมีความคิดในหัวว่า “อ๋อ เขาตอบเรากลับ แสดงว่าเขาโอเคกับการติดต่อเวลาแบบนี้” แต่ถ้าเราไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเราไม่โอเคที่จะติดต่อกับใครในเวลาแบบนี้ ปล่อยให้เขาพูดฝ่ายเดียว หรือใช้วิธีการตัดบทไปเลยว่า “ขออนุญาตคุยกันพรุ่งนี้นะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
อาจจะลองบอกหัวหน้าไปอย่างสุภาพก็ได้นะครับว่า “พี่คะ นอกเวลางานหนูอาจจะตอบไลน์ได้ช้าหรือไม่สะดวก เพราะหนูมีธุระ แต่ถ้ามีอะไรฉุกเฉินจริงๆ ที่หนูพอจะช่วยได้ รบกวนพี่โทรหาหนูนะคะ หรือคุยกันใหม่ตอนเช้า พี่จะได้พักผ่อนด้วย หนูเป็นห่วง เห็นพี่ทำงานตลอด กลัวจะเครียด พี่ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ” จบ!
ไม่ต้องไปบอกหรอกนะครับว่า ชาติก่อนพี่เป็นไก่เหรอคะ?!
* ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai