นับจากวันที่ แก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่น ได้เดินเข้าห้องออดิชันของภาคใต้ในรายการ The Star ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 4 (2551) และโชว์เพลง คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว เรารู้ได้เลยว่าเด็กสาวคนนี้จะต้องเติบโตในวงการดนตรีบ้านเราได้อย่างแน่นอน และในวันนี้แก้มได้เก็บเกี่ยวความสามารถทุกด้าน ทั้งร้อง ทั้งเต้น และเอ็นเตอร์เทน จนพร้อมสำหรับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของตัวเองในเดือนพฤษภาคมนี้

THE STANDARD จึงขอจับเข่าคุยถึงเรื่องราวของเด็กสาวจากภูเก็ตที่เติบโตอย่างมั่นคงในวงการเพลง จนก้าวขึ้นมาเป็น แก้ม วิชญาณี นักร้องสาวคุณภาพในวันนี้

แก้มอยู่วงการนี้มา 10 ปีแล้ว ตั้งแต่ประกวด The Star ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 4 แก้มมีภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไป มีการพัฒนาตัวเองทั้งด้านการร้อง การเต้น การเอ็นเตอร์เทนทุกอย่าง ยังมีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่ายังต้องพัฒนาต่อไปอีก
แก้มบอกเลยว่าเรื่องของการพัฒนามันหยุดไม่ได้ มันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของทุกอย่าง ไม่ใช่แค่การเป็นศิลปิน แก้มว่าการใช้ชีวิตทุกๆ อย่างมันสำคัญ ถ้าเราหยุดอยู่กับที่ มันก็เท่าเดิมหรือถอยลง มันไม่มีทางดีขึ้นได้ เหมือนว่าเราเรียนหนังสือแล้วไม่อ่านหนังสือ เราก็จะไม่เข้าใจสิ่งที่ครูสอนมา ถ้าเราไม่ไปค้นคว้าเพิ่มเติม มันก็หยุดอยู่เท่านั้น เช่นเดียวกันกับการร้องเพลง ถ้าแก้มอยู่เฉยๆ ไม่ฝึกซ้อม เสียงก็แย่ เพราะเส้นเสียงมันไม่ยืดหยุ่น ทุกอย่างก็จะออกมาไม่ดี

 

เพราะฉะนั้นการพัฒนาเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ทั้งเรื่องของการร้องเพลง เรื่องการใช้ชีวิต วิธีคิด หรือกระทั่งรูปลักษณ์ของเราเอง มันควรจะต้องดีขึ้น สุขภาพร่างกาย ทุกอย่างมันสำคัญหมดเลย มันเชื่อมโยงกันได้หมดเลยสำหรับคำว่า ‘พัฒนาตนเอง’

 

ใครคือคนต้นแบบในชีวิตที่ทำให้รู้สึกว่าฉันต้องเปลี่ยน ฉันต้องพัฒนาตัวเอง

จริงๆ แล้วเราเห็นจากคนรอบข้าง รวมไปถึงหลายๆ คนที่ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน ไม่ใช่แค่การร้องเพลง มันคือทุกอย่าง แม้กระทั่งการที่ไปทำงานแล้วเจอหลายๆ คนที่สร้างแรงบันดาลใจให้เรา อาชีพไหนก็เป็นแรงบันดาลใจให้เราได้หมด เราเอามาปรับใช้กับตัวเราได้เสมอ เพราะฉะนั้นสำหรับแก้ม ทุกคนที่แก้มทำงานด้วยเขาคือไอดอลทั้งเรื่องดี ทั้งเรื่องไม่ดี ทุกอย่างมันเป็นแรงบันดาลใจได้หมดเลยค่ะ

แก้มเชื่อว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ และเราเองก็จะไม่หยุดจนกว่าจะได้

 

ตอนนี้แก้มเรียกตัวเองว่า Diva ได้หรือยัง และนิยามคำนี้สำหรับแก้มคืออะไร
แก้มไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็น Diva คือตัวแก้มเองไม่อยากให้คำเหล่านี้ออกจากปากแก้ม แต่อยากให้มันมาจากคนอื่นมากกว่า

 

ทุกครั้งแก้มจะทำผลงานออกมาให้เต็มที่สุดๆ คือไม่อยากให้มีอะไรมาจำกัดว่าเราเป็นศิลปินได้เฉพาะร้องโชว์พลัง เป็นสาย Diva อย่างเดียว เพราะทางอื่นเราก็ทำได้ เกาหลีก็เต้นได้ หรืออะไรที่ไม่เคยทำหลายๆ อย่าง ทุกอย่างที่เราทำ แก้มว่ามันเป็นบททดสอบในการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ

 

การที่เราได้เรียนรู้ว่าสิ่งนี้ไม่เคยทำ เราก็ลองทำดู เราไม่อยากจำกัดว่าแค่ไหนถึงต้องพอ เมื่อไรที่ทุกคนบอกเราว่าเป็นอย่างนี้ดีแล้ว สำหรับเรามันเป็นกำลังใจ ขณะเดียวกันมันก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราอยากทำดีมากขึ้นเรื่อยๆ

 

แต่บางครั้งถ้ามีคนบอกว่าอันนี้มันยังไม่ใช่ เราจะได้รู้แล้วก็พยายามพัฒนาให้มันใช่ บางครั้งมันอาจจะยากมากจนทำให้เราท้อ แต่แก้มเชื่อว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ และเราเองก็จะไม่หยุดจนกว่าจะได้ อย่างเช่นหลายๆ คนเคยบอกว่าแก้มผอมไม่ได้ ไม่มีทางสวยได้ แก้มถือว่านั่นคือคำติที่ทำให้เราสร้างพลังให้กับตัวเอง แต่ถ้าอันไหนที่เราคิดว่าเขาติมากไป และคำติเขาไม่ได้ดีต่อชีวิตเรา ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญต่อชีวิต เป็นเรื่องที่คุณมโนขึ้นมา สร้างมันขึ้นมาเอง แก้มจะไม่รับคำเหล่านี้ เพราะว่ามันไม่จริง มันไม่ใช่เรา

 

 

ถ้าแก้มบอกว่าตัวเองยังไม่ใช่ Diva แล้วใครคือคนที่คู่ควรกับคำนี้

บียอนเซ่ เขาคืออินสไปเรชันให้แก้มตั้งแต่เข้าวงการมาเลยค่ะ เขาเป็นผู้หญิงเก่ง ผู้หญิงสวย ผู้หญิงสตรอง และมากความสามารถ แก้มไม่ได้ชอบแค่การร้องเพลงหรือการแสดงบนเวที แก้มชอบทุกอย่าง เขาวางตัวดีมาก มีวิธีคิดที่ดีมากๆ และเขาก็ไม่ได้ร้องเพลงอย่างเดียว เขาสามารถเล่นหนัง หรือจะทำอะไรก็ได้

 

ทุกวันนี้บียอนเซ่ยังให้แรงบันดาลใจกับทุกคนมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาไปทางศิลปะแล้ว เขาอยากทำเพลงที่เป็นตัวของตัวเองออกมาให้ทุกคนได้เห็นในแง่มุมต่างๆ เพิ่มขึ้น มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ทุกคน เพราะฉะนั้นเขาเป็นแรงบันดาลใจและเป็นพลังให้กับทุกคนที่ชื่นชอบ แต่ทางเราเองก็รอเพลงแม่บีที่แมสๆ อยู่นะ

 

บียอนเซ่เขายังเป็นอินสไปเรชันได้กระทั่งเรื่องวิธีคิด เพราะจะบอกว่าทุกคนในโลกนี้ชอบแม่บีก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะคนไม่ชอบก็มี แก้มเลยไม่ฟิกซ์ว่าต้องมีแต่คนชอบฉัน เพราะมันเป็นไปไม่ได้ บางครั้งเรายังไม่ชอบตัวเองเลย แต่สิ่งที่เราทำได้คือแสดงความสามารถให้เห็น นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด

เริ่มชอบบียอนเซ่ตั้งแต่ตอนไหน เริ่มชอบได้อย่างไร
แก้มชอบรายการ The Star ค้นฟ้าคว้าดาว, True Academy Fantasia และวง D2B มาก่อน ความเป็นไทยมากๆ ซึ่งเป็นทางของเราเลย แต่จริงๆ เราเริ่มฟังและรู้จัก บริตนีย์ สเปียร์ส ก่อนด้วยซ้ำ ไม่ถึงขนาดเป็นแฟนคลับ ชอบเพลงเขาเพราะฟังง่ายแล้วก็สนุก แต่ที่ได้เริ่มรู้จักบียอนเซ่เพราะเกิดจากปีนั้นเธอได้รับเลือกให้เป็นคนที่สวยและเซ็กซี่ที่สุดในโลก ตอนนั้นเพื่อนข่าวเอามาให้ดูแล้วบอกว่า “แก้ม ใครจะว่ายังไงก็ตาม อย่าไปแคร์นะ ดูบียอนเซ่สิ เขาประสบความสำเร็จมากนะ สักวันแก้มก็จะทำได้ เธอต้องไปประกวด The Star” เพื่อนแก้มเชียร์มาก บอกตลอดว่าแก้มมีของ แก้มต้องโชว์ของ ตอนนั้นเราเห็นบียอนเซ่เป็นอินสไปเรชัน จากนั้นเราก็ตามฟังเพลงของแม่บีตลอด

 

 

YouTube: T&B Reacts

แก้มเคยรู้ใช่ไหมว่ามียูทูเบอร์ต่างประเทศเปิดดูแก้มร้องเพลง Hello

แก้มภูมิใจมาก ไม่คิดว่ามันจะไปถึงตรงจุดนั้น แก้มว่ามันเป็นอะไรที่แบบว่า มันดี! มันให้กำลังใจเรา ขนาดเจ้าของภาษาเขายังชื่นชม เราก็ต้องทำดีต่อไป ต้องพัฒนาต่อไปให้เขาอยากดูคลิปเราอีก มันเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งที่เราทำเพิ่มไปเรื่อยๆ

 

 

ปีที่แล้วแก้มกับทีม 4 โพดำ ไปเล่นคอนเสิร์ตที่อเมริกา 3 รัฐ ไปจบที่ชิคาโก แล้วแก้มไปซื้อของในห้าง แคชเชียร์ที่เขาคิดเงินเห็นหน้าเราก็ถามว่ายูเป็นคนประเทศอะไร คืออยู่ๆ เขาก็ถามขึ้นมา เราก็บอกเป็นคนไทย เขาก็งง เขานึกว่าเราเป็นคนเอเชีย-อเมริกัน คุยไปคุยมามันจะมีแบบนิดนึงไง ในแบบคนผิวสีว่าฉันต้องลองภูมิเธอหน่อยแล้ว เขาก็เลยถามซ้ำว่ายูเป็นศิลปินที่ไทยหรอ เราก็บอกว่าใช่ค่ะ เขาก็บอกว่าร้องให้ฟังหน่อยได้ไหม เขาชอบสไตล์โชว์พลังแบบวิตนีย์ ฮุสตัน เราก็ร้องให้ฟัง เขาก็ช็อกไปเลย เขาแบบ เฮ้… ยูไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมยูไม่มาเป็นนักร้องที่นี่ ยูโกอินเตอร์ได้เลยนะ เขาบอกว่าเราใช้จิตวิญญาณเวลาร้อง แล้วเขาก็ร้องไห้

 

คือต้องบอกก่อนว่าคนอเมริกันผิวสีเขาจะอินง่ายมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะอินกับทุกอย่าง และเราทำให้เขาอินได้ ทำให้เราภูมิใจไปอีก มันเหมือนได้รับพลังกลับมา ทำให้เราภูมิใจในสิ่งที่ทำ อยากให้คนได้รู้ว่าบ้านเรามีดีนะ

 

ทุกครั้งในการร้องเพลง แก้มก็จะมีความสตรอง ใช้พลังเสียง โชว์พลังเยอะๆ อารมณ์หนักๆ จริงๆ แล้วแก้มเป็นคนอย่างไร

แก้มเป็นคนอยากลองทำทุกอย่าง คือแก้มใช้พลังเสียงเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อบอกว่าฉันทำอย่างนี้ได้ แต่เราอยากทำทุกทาง จริงๆ ถ้าถามว่าอยากเป็นเกาหลีไหม อยากเป็น แต่แก้มจะเป็นได้ยังไง โอ๊ย สงสารคนดู ถ้าทำเป็นเฉพาะกิจ เราอยากลองทำ แต่ถ้าให้ทำแล้วออกซิงเกิลของตัวเองเลยคนคงไม่เชื่อ ก่อนหน้านี้ค่ายพยายามเตือนเรื่องคัฟเวอร์เกาหลีลงยูทูบ แต่พี่ห้ามหนูไม่ได้จริงๆ ค่ะ ขอให้หนูได้ทำเถอะ ทางของหนูนิดนึง เราก็ติ่งเนอะ (หัวเราะ) อยากลองทำทุกทาง ชีวิตเราต้องเรียนรู้ค่ะ

 

 

เคยท้อบ้างไหมเวลาคนไม่ชอบแนวการร้องเพลงของแก้ม
I don’t care! ไม่ใช่อุปสรรคเราเลย เรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา ก็เขาไม่ชอบ ให้เราทำยังไง เหนื่อยก็ไม่ต้องฟัง เราไม่บังคับนะ คลิปแก้มไม่เคยบังคับ คนเราชอบไม่เหมือนกันก็ไม่แปลก เขาอาจไม่ชอบที่เราร้องเพลงนี้ แต่เขาอาจจะชอบเราร้องเพลงอื่นเท่านั้นเอง ฉันเข้าใจ เพราะเราเป็นคนมีฟีล You know?

 

แนวเพลงแบบไหนที่แก้มชอบมากที่สุด

หลายคนอาจคิดว่าต้องเป็นแนวโชว์พลัง แต่จริงๆ แก้มฟังหมดทุกแนวเลย แก้มชอบเปิดเพลงเต้นบนรถ คือสนุก เราจะชอบฟังเพลงเร็ว แต่ถ้าเป็นเพลงช้าก็ต้องเพราะ เช่น Perfect ของเอ็ด ชีแรน ฟีเจอริงกับบียอนเซ่ แก้มชอบมาก คือมันมีความกลมกล่อม ตอนฟังครั้งแรกในวิทยุ พอแม่บีร้องแบบกัดคำ อื้มมม แม่คะ นั่งกรี๊ดในรถ คำเดียวของแม่ทำทุกคนสะดุ้งจริงๆ นะ เพื่อนที่นั่งมาแบบ โอ้โห เบอร์นี้เลย แต่มันดีไง แม่ใช้ถูกจังหวะ ถูกที่ถูกเวลา ทุกอย่างมันดี เอ็ดกับแม่เสียงไปด้วยกันได้ดีทุกอย่าง นี่คือสไตล์ที่ฟังค่ะ เทคนิคเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องแตะเราในเรื่องของความรู้สึกด้วย

 

เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เราชอบสไตล์เพลงเพราะและเพลงโชว์พลังที่เอามาร้องประกวดต่อได้ แต่ทุกวันนี้แก้มฟังเพลงเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ แล้วก็ฟังเพลงเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ตัวเอง แก้มไม่ได้ฟังแค่เพลงสากล ไม่ได้ฟังแค่เพลงไทย แก้มฟังทุกสไตล์ ลูกทุ่งแก้มก็ยังร้องอยู่ หรือว่าต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น เกาหลี จีน อินเดีย แก้มต้องฟังหมด เพราะว่ามันเป็นเพลง สำหรับแก้ม เราไม่เข้าใจหรอกว่าภาษาเขาคืออะไร แต่ฟังแล้วเราเข้าใจว่าเขาสื่อสารอะไรกับเรา เพราะดนตรีมันไม่มีพรมแดนจริงๆ นิกกี้ มินาจ แก้มก็ชอบในส่วนของการแรป คุกกี้เสี่ยงทาย แก้มก็ชอบ น้องๆ น่ารักดี เด็กบางคนเป็นติ่งแก้มด้วย เราตกใจนะ เจอกันหลังเวทีคอนเสิร์ตแล้วน้องๆ ขอถ่ายรูป เรารู้สึกว่าบ้านเราไม่มีวงที่รวมตัวกันเยอะๆ แล้วน่ารักแบบนี้มานานแล้ว

 

ตอนนี้แก้มได้เป็นกรรมการตัดสินการประกวดร้องเพลงในหลายๆ รายการ ตอนที่เขามาติดต่อให้ไปเป็นกรรมการ แก้มรู้สึกอย่างไร
รู้สึกว่าแก้มเป็นกรรมการได้แล้วเหรอ ประสบการณ์แก้มพอแล้วเหรอ แต่ถ้าผู้ใหญ่เชื่อแล้วทำไมเราต้องไม่เชื่อตัวเอง การทำงานนี้มันเสริมความมั่นใจ เพิ่มความเชื่อของเรา แล้วมันทำให้ได้ประสบการณ์มากขึ้น แล้วแก้มก็เอาไปต่อยอดในเรื่องอื่นๆ ได้ด้วย อีกอย่างมันทำให้เราได้ใช้ในสิ่งที่เรียนมา อย่างเรื่องทฤษฎีดนตรี แก้มว่ามันเหมือนเป็นครูได้อีกทาง แก้มเลยดีใจมากที่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้

 

 

แก้มเป็นเหมือนตัวแทนของผู้หญิงเก่ง รวมทั้งเหล่า LGBT เพื่อนสาว และลูกสาวหลายๆ คน แก้มรู้สึกอย่างไรบ้าง

ดีใจมากค่ะ คือเราชอบเขาเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าเขามีอิสระ อยากทำอะไรก็ทำ และพวกเขาทำในทางที่ไม่เดือดร้อนใคร เขาเชื่อในสิ่งที่ทำ และมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้เวลาเราอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ไม่เหนื่อย ไม่อึดอัด แบบว่าแซ่บน่ะ แก้มชอบมาก แล้วเรามีเพื่อนแบบนี้เยอะมาก

 

อีกอย่างแก้มชอบนางงาม คือดูตั้งแต่เด็กแล้วอยากเป็น ก็เลยซ้อมเดินที่บ้านตอนเด็กๆ คือร้องเพลงกับนางงามนี่ตีคู่กันมาเลย ถามแม่ได้ ต้องดูทุกครั้งที่ประกวด และยิ่งพอได้เข้าวงการมาอีก มันเหมือนกับเปิดโลกให้รู้จักคนเยอะขึ้น เข้าใจมากขึ้น การประกวดมิสยูนิเวิร์สคือทุกปีต้องได้ดู ตื่นเช้าแค่ไหนก็ต้องเชียร์ประเทศไทย พอมีเพื่อนเยอะยิ่งสนุก คนกลุ่มนี้เป็นคนสนุก และเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เราหลายๆ อย่างด้วย แก้มแฮปปี้และภูมิใจมากจริงๆ ก็หวังว่าเพื่อนๆ จะมาดูคอนเสิร์ตเยอะๆ แล้วก็สนับสนุนแก้มต่อไป แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ LGBT หรอก ผู้ชายจริงๆ ก็มี แต่น้อยหน่อย คือเขาไม่ได้มาแบบคลั่งไคล้ แต่จะชื่นชม ผู้ชายที่ฟังเพลงแนวเราได้ เราจะยิ่งแบบ คุณพระ ดี พี่มาถูกทางแล้ว! เราจะภูมิใจมาก

 

ความฝันสูงสุดของแก้มถ้าไม่ได้เป็นนักร้องคืออะไร แก้มอยากเป็นอะไรบ้างในฐานะลูกผู้หญิง
ตอนนี้ความฝันสูงสุดของแก้มไม่มี เพราะแก้มอยากทำทุกวันให้มันดีที่สุดก็พอแล้ว เราไม่อยากไปกดดันตัวเองเกินไปว่าเราจะไปถึงจุดนั้นได้ไหม เราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้วให้มันเป็นไปตามสเตป แต่ถ้ามันใช่ สักวันหนึ่งมันจะเกิดขึ้นเอง

 

 

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในชีวิตรู้สึกอย่างไร เตรียมตัวอย่างไรบ้าง
แก้มดีใจ มันคือสิ่งที่ไม่ใช่แค่แก้มที่รอคอย เพราะหลายๆ คนถามมาตลอดในช่วงหลายๆ ปีนี้ว่าเมื่อไรจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยว แต่เราอยากแกร่งกว่านี้ อยากมีประสบการณ์มากกว่านี้อีก เพื่อที่ตอนอยู่บนเวทีแล้วจะได้ไม่เด๋อ

 

แล้วจุดนี้โชคดีตรงที่พี่ฉอด สายทิพย์ มาถามเลยว่าจะทำคอนเสิร์ตให้ โอเคไหม แก้มโอเคอยู่แล้ว ทางค่ายก็อนุญาต พี่บอย ถกลเกียรติ ก็บอกว่าเอาเลยลูก คือเราโชคดีที่ทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายให้โอกาสมากๆ แล้วจริงๆ คอนเสิร์ตนี้คุยกันมาสักพักแล้ว แต่ก็ติดช่วงอะไรต่างๆ จนมาครบวาระ 10 ปีในวงการของแก้มพอดี มันเป็นจังหวะที่ลงตัวที่สุด ก็เป็นอะไรที่แบบ มันใช่แล้ว มันถึงโมเมนต์ของเราแล้ว

 

คอนเสิร์ตนี้ก็เพื่อแก้มและแฟนๆ ที่เขารอคอย หลายๆ คนที่เขาไม่มีโอกาสได้เจอแก้ม ครั้งนี้เราจะได้มาเจอกันจริงๆ มันไม่ได้ง่ายนะคะที่จะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวเป็นของตัวเองในยุคนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปิน ทุกคนอยากมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง เพียงแค่ว่าโอกาสและจังหวะที่มันใช่ พร้อมกับสิ่งที่เราสั่งสมมา ทั้งประสบการณ์และความสามารถต่างๆ ทุกอย่างที่รวมกันแล้วมันเกิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้

 

ที่สำคัญคือถ้าไม่มีแรงซัพพอร์ตจากทุกคน แก้มก็ไม่มีโอกาสนี้ ทั้งคนดู ทั้งพี่ๆ ทีมงาน แล้วก็คนรอบข้าง ทุกคนสำคัญหมด แก้มว่าคอนเสิร์ตนี้น่าจะเป็นอีกโมเมนต์ในชีวิตที่สำคัญมาก จริงๆ แก้มมีโมเมนต์ที่สำคัญในชีวิตเยอะ แต่ว่าครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่สำคัญเช่นเดียวกัน

 

ทุกๆ โชว์ ทุกๆ โมเมนต์ที่เราตั้งใจบนเวที แก้มเชื่อว่าคนดูเขาน่าจะมีความสุข ทุกเพลงที่ร้องออกไปคือเพลงที่เราร้องออกไปจริงๆ แล้วเราพร้อมที่จะมอบความสุขให้คนที่ดูจริงๆ