×
SCB Omnibus Fund 2024

รีวิว ‘Galaxy Z Fold3 5G’ สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ ตัวช่วยในโลกธุรกิจและการลงทุนแบบครบจบในเครื่องเดียว

09.09.2021
  • LOADING...
Galaxy Z Fold3 5G

HIGHLIGHTS

8 mins. read
  • สำหรับนักธุรกิจที่เวลาทุกนาทีมีค่า ต้องจัดการงานหลายอย่างพร้อมกัน Galaxy Z Fold3 5G มีฟีเจอร์ Muti-Active Window หรือเปิดหลายแอปพลิเคชันบนหน้าจอเดียว (สูงสุด 3 แอปฯ) ช่วยให้เราสามารถทำงานไปด้วย เช็กข่าวไปด้วย ลงทุนไปด้วย ได้พร้อมๆ กันในเวลาเดียว
  • ไม่จำเป็นต้องมาสวิตช์เข้าออกแอปฯ ประชุม หรือแอปฯ อื่นๆ ให้วุ่นวาย เพราะเราสามารถแบ่งจอ Galaxy Z Fold3 5G ออกเป็น 2 จอ ใน Flex Mode พับจอขึ้นมาครึ่งหนึ่ง แล้วใช้จอบนในการประชุมงาน แบ่งจอล่างในการจดข้อมูลที่สำคัญระหว่างประชุมด้วยปากกา S Pen และแอปฯ Samsung Notes
  • ทำงานได้สะดวก เปิดใช้งานทุกไฟล์ได้ทันทีด้วย Galaxy Z Fold3 5G ที่รองรับการใช้งานโปรแกรมในกลุ่ม Google และ Microsoft Office เช่น PowerPoint, Excel หรือ Word

หน้าจอพับได้แล้วทำอะไรได้อีกบ้าง? 

 

นอกเหนือจากการหยิบออกมาจากกระเป๋าเก๋ๆ เสริมลุคของความเป็นเจ้าของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนสุดล้ำ เราเชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่ยังสงสัยประโยชน์ที่จะเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงานของสมาร์ทโฟนจอพับได้จาก Samsung ทั้ง Galaxy Z Fold3 5G และ Z Flip3 5G

 

ในบทความรีวิวชุดนี้ เราจึงลองคัดมุมมองส่วนตัวและประโยชน์ในเชิงการเข้ามาเป็นตัวช่วยยกระดับการทำงาน การประชุมทางไกลในยุค Next Normal ไปจนถึงการลงทุน ทั้งผ่านตลาดหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ดิจิทัล คริปโตเคอร์เรนซี แล้วสรุปมาเป็นไฮไลต์เด็ดๆ ให้คุณได้ร่วมเก็บข้อมูลไปพร้อมๆ กับเรา

 

 

จากการทดลองใช้ร่วมสองสัปดาห์ ทั้งสองโมเดลสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ตัวท็อประดับไฮเอนด์จาก Samsung นี้ จะเป็น A Must! จริงๆ หรือเปล่า หรือว่าน่าจะเหมาะกับผู้ใช้งานกลุ่มไหนเป็นพิเศษ อะไรคือข้อเสนอแนะที่เรามี โดยจะเน้นหลักไปในเชิงความรู้สึกที่เราค้นพบระหว่างการใช้งานแต่ละฟีเจอร์ แต่ละเครื่องเป็นพิเศษ

 

 

Samsung Galaxy Z Fold3 5G สมาร์ทโฟนไฮเอนด์หน้าจอพับได้ ที่ปิดทุกช่องโหว่ ยกระดับทุกด้าน แถมราคาจับต้องได้กว่าเดิม

เริ่มต้นที่ Galaxy Z Fold3 กันก่อน นี่คือสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ตัวท็อปในซีรีส์ที่ 3 ของ Samsung ที่เปิดตัวออกมาต่อเนื่องจาก Galaxy Fold และ Galaxy Z Fold2 ตั้งแต่ปี 2019 หรือเมื่อ 2 ปีที่แล้วในช่วงที่ Samsung ฉลองครบรอบ 10 ปี การสร้างจักรวาล Galaxy ของพวกเขา

 

มาคราวนี้ Z Fold3 มีการพัฒนาที่เด่นชัดที่สุดใน 3 ด้านหลักๆ ซึ่งเราจะกล่าวถึงแบบละเอียดๆ ในลำดับถัดไป

  1. ความสามารถในการรองรับการทำงานคู่กับปากกา S Pen เป็นครั้งแรก
  2. ดีไซน์ตัวเครื่องแข็งแรงและทนทานกว่าเดิม กันน้ำระดับ IPX8 มาพร้อมกับซ่อนกล้องใต้หน้าจอ UDC ความคมชัดระดับ 4 ล้านพิกเซล
  3. ราคาตัวเครื่องที่ถูกลงจากรุ่นก่อนหน้า 

 

เช็กข้อมูลกราฟหุ้นพร้อมอ่านข่าวที่เกี่ยวข้องแบบเรียลไทม์ไปพร้อมกันๆ ในหน้าจอเดียวก็ทำได้ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

 

Galaxy Z Fold3 ใช้งานคู่กับปากกา S Pen ได้แล้ว ตัวช่วยผู้บริหาร นักลงทุนที่ไร้เทียมทาน!

มาถึงความประทับใจที่เรายกให้เป็นไม้ตายระดับ Killer Feature ของ Galaxy Z Fold3 เลย คือการที่ Samsung พัฒนาให้ Z Fold3 สามารถใช้งานคู่กับปากกา S Pen ได้ (Fold Edition) เลยทำให้สามารถใช้งานแอปฯ Samsung Notes จดบันทึกได้สะดวก อิสระสุดๆ ไม่ว่าจะระหว่างประชุมผ่านแอปฯ Zoom, Google Meet หรือ Microsoft Teams ก็สามารถพับจอลงครึ่งหนึ่งในแบบ Flex Mode แล้วตั้งเป็นแนวระนาบราบไปกับพื้นเพื่อจดบันทึกได้ เรียกได้ว่าสะดวกและมีประโยชน์มากๆ

 

ความเจ๋งก็คือ Samsung ยังได้เป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกับ Microsoft และ Google เพื่อพัฒนาประโยชน์ในเชิงการใช้งานแอปฯ ต่างๆ ที่หลากหลายให้กับเราบน Z Fold3 ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยฟีลลิงที่ยกมาจากการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตไม่ผิด

 

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น คือ สมมติเรากำลังประชุมผ่าน Microsoft Teams โดยปกติถ้าเราใช้สมาร์ทโฟน Bar Type (สมาร์ทโฟนทั่วไปที่เป็นจอเดี่ยว) สิ่งที่เราทำได้คือการจดมือด้วยปากกาลงบนสมุดโน้ตหรือกระดาษ หรือไม่ก็ต้องสวิตช์ไปใช้งานในแอปฯ อื่นๆ เพื่อจดข้อมูล ทำให้นอกจากจะต้องปิดกล้อง มองไม่เห็นผู้ร่วมประชุมแล้วก็ยังทำให้มองไม่เห็นสไลด์ของผู้ร่วมประชุมด้วย

 

 

แต่บน Z Fold3 ความเจ๋งคือ เราสามารถเปิดได้ทั้งสไลด์แล้วแบ่งจออีกครึ่งหนึ่งเพื่อเปิดกล้องดูอากัปกิริยา รีแอ็กต่างๆ ของเพื่อนร่วมงาม คู่สนทนา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการพูดคุย การประชุมเจรจาต่างๆ

 

 

ที่เจ๋งมากไปกว่านั้นและยากที่จะหาสมาร์ทโฟนรายอื่นๆ ทำได้เทียบเคียง คือการที่เราสามารถใช้ปากกา S Pen จดลงบนแอปฯ Samsung Notes แบบสดๆ แล้วเอาหน้าที่เราจดยิงขึ้น Share Screen ให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นไปพร้อมๆ กัน ซึ่งถือว่าสะดวกและคล่องตัวสุดๆ เวลาที่เราเกิดไอเดียพลุ่งพล่านแล้วบางครั้งไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดให้เห็นภาพชัดมากพอเท่ากับการวาดภาพหรือการเขียนมือให้เห็นภาพไปเลย

 

หรือการที่เราสามารถใช้โปรแกรมในกลุ่ม Microsoft Office บน Z Fold3 ตัวอย่างเช่น PowerPoint, Excel หรือ Word ในการทำงานคู่ขนานแบบแยกสองจอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้รวดเร็ว ว่องไว ไม่ต้องสลับจอไปมาหลายๆ ครั้งให้วุ่นวาย

 

ตัวอย่างการดึงเทมเพลตจากสไลด์ก่อนๆ มาวางบนสไลด์ใหม่ที่ทำได้ทันทีด้วยฟีเจอร์ Multi-Active Window บน Galaxy Z Fold3 5G

 

 

Samsung ยังได้ทำงานร่วมกับ Google เพื่อออกแบบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานแอปฯ​ ต่างๆ ของ Google ที่ดึงศักยภาพและหน้าจอขนาด 7.6 นิ้ว ของ Galaxy Z Fold3 ออกมาให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยสุดๆ ตัวอย่างง่ายๆ และก็เป็นปัญหาที่ผู้เขียนเผชิญ คือการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนแอปฯ Chrome เดิมทีเราต้องเปิด New Tab คลิกลิงก์ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อต้องการจะอ่านข่าวหรือหาข้อมูลเพิ่มเติม

 

แต่บน Z Fold3 เราสามารถเปิดอินเทอร์เน็ตอ่านข่าวแล้วแยกจอออกเป็นสองจอเพื่อสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมไปพร้อมๆ กันได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนปกติทั่วไป เราแทบจะทำอะไรแบบนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

 

 

Flex Mode และ Multi-Active Window สองฟีเจอร์ที่ช่วยให้ทำงานบนสมาร์ทโฟนได้อย่างเหนือชั้น

สำหรับสายนักลงทุน เทรดหุ้นฯ เทรดคริปโต ด้วยความสามารถของการใช้งานแบบ Flex Mode และฟีเจอร์ Multi-Active Window ที่ช่วยให้เปิดแอปฯ พร้อมกันสูงสุด 3 แอปฯ ในเวลาเดียวกัน ก็ช่วยให้เราสามารถเช็กข้อมูลความเคลื่อนไหวและข่าวสารของบริษัทหรือสกุลเงินคริปโตที่เราเทรดได้แบบเรียลไทม์บนจอเดียวกัน แถมยังพอร์ตกราฟด้วยการใช้ปากกา S Pen ได้ด้วย 

 

ถามว่าประโยชน์หรือการใช้งานในฟีเจอร์นี้มันดียังไง? ลองจินตนาการว่าเราเดินทางออกจากบ้าน ไม่สะดวกในการเปิดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แล็ปท็อป หรือพกพาแท็บเล็ตระหว่างการเดินทาง การใช้งาน Galaxy Z Fold3 จะช่วยให้เหล่าบรรดานักลงทุนทั้งหลายสามารถตรวจเช็กข้อมูลการลงทุนต่างๆ ที่ตนเองต้องการสูงสุดถึง 3 แอปฯ ในหน้าจอเดียว โดยไม่พลาดทุกๆ ความเคลื่อนไหวเข้าออกของหลักทรัพย์ที่เราถือไว้ได้ทันแบบต่อเนื่องในเวลาเดียวกัน

 

ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคุณสมบัติที่สมาร์ทโฟนโมเดลปกติไม่สามารถให้กับคุณได้เลย

 

ความเห็นส่วนตัวจากการได้ลองจรดปากกา S Pen ขีดๆ เขียนๆ บน Galaxy Z Fold3 ได้เป็นครั้งแรก ในแง่ของฟีลลิงการใช้ปากกา S Pen นั้นถือว่าทำออกมาได้เยี่ยม ซึ่งจุดนี้เป็นคุณสมบัติความสามารถที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนโมเดล Z Fold เรียกร้องมานานแล้วว่าอยากให้ Samsung พัฒนาเพิ่มเข้ามาให้ จนกระทั่งความพยายามของทุกฝ่ายก็มาสำเร็จใน Z Fold3 นี่เอง

 

 

ข้อดีและความประทับใจคือ ความสามารถในการรองรับน้ำหนักของแรงกดด้วยตัวปากกา S Pen Fold Edition ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะในการใช้งานบน Galaxy Z Fold3 ทำได้ดีสมกับที่เป็น Samsung และชื่อเสียงที่สร้างไว้ใน Note Series โดยที่หัวปากกาจะผลุบเข้าไปในระหว่างการเขียนบนจอ เพื่อป้องกันความเสียหายของการกดกระแทก (แต่ตอนเขียนแทบไม่รู้สึกเลยว่ามันผลุบเข้าไป) ทั้งนี้ ตัว Z Fold3 ไม่สามารถใช้งานร่วมกับปากกา S Pen รุ่นอื่นๆ ได้ เพราะอาจสร้างความเสียหายให้กับหน้าจอตามคำเตือนของ Samsung

 

การใช้งาน S Pen ใน Galaxy Z Fold3 5G โหมด Smart Select เลือกแคปภาพเฉพาะส่วนมาจดบันทึกต่อใน Note หรือเซฟเป็นไฟล์ภาพได้อิสระ

 

เพียงแต่ข้อสังเกตที่เราพบก็คือ ตัวปากกานั้นจะไม่ได้แถมมาให้กับตัวเครื่อง ต้องซื้อแยกเอง

 

โดยที่ปากกาจะมีให้เลือก 2 แบบ คือ S Pen Fold Edition ราคา 1,590 บาท และ S Pen Pro ราคา 3,690 บาท ซึ่งถ้าใครอยากใช้ฟีเจอร์การสั่งงานแบบ Air Command ก็ต้องขยับไปรุ่นโปร โดยที่เราทดลองใช้ S Pen Fold Edition แล้วพบว่า ตัวปากกายังสามารถวาดเขียนบน Galaxy S21 Ultra ที่รองรับ S Pen ได้ด้วย

 

ตัวปากกา S Pen Fold Edition พร้อมปลอก Case เก็บปากกา

 

เมื่อซื้อปากกามาแล้ว Samsung จะแถม Case ปลอกเก็บปากกามาให้ หมายความว่าตัวปากกาจะไม่สามารถเสียบเก็บในตัวเครื่องได้เหมือนใน Note Series นั่นเอง แต่สามารถเลือกซื้อเคสคัฟเวอร์ที่มาพร้อมช่องเก็บ S Pen มาใช้ร่วมกันได้ เพื่อการพกพาที่สะดวกยิ่งขึ้น

 

อีกข้อสังเกตก็คือ ด้วยความที่ตัวเครื่องเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ จึงทำให้รอยพับบริเวณกลางตัวเครื่องยังคงปรากฏเป็นร่องให้เห็นอยู่ จุดนี้เราเชื่อว่าคนใช้งาน Galaxy Fold หลายคนเข้าใจและยอมรับได้ แต่สำหรับคนที่จะเริ่มใช้งาน Z Fold3 นี่คือเรื่องที่คุณต้องเข้าใจและยอมรับมันในฐานะที่เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้

 

ซึ่งจะตามมาด้วยข้อจำกัดเวลาที่เราใช้ S Pen เขียนบนหน้าจอ เมื่อลากลายเส้นหรือจดบันทึกต่างๆ มาถึงบริเวณกึ่งกลางจอแล้ว ตัวลายเส้นนั้นจะไปตกร่องสันรอยพับจุดกึ่งกลางบานพับตัวเครื่อง ทำให้การเขียนด้วยปากกาไม่ได้สมูทไปจนจรดอีกฝั่ง

 

ถามว่าเป็นข้อเสียที่ใหญ่หลวงถึงขนาดเบือนหน้าหนีไหม คำตอบคือ ‘ไม่ขนาดนั้น’ เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่ Samsung เพิ่มฟีเจอร์การใช้งานคู่กับ S Pen บนสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้เป็นครั้งแรก ข้อจำกัดในเชิงฮาร์ดแวร์เช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้บ้าง บวกกับเวลาใช้ปากกา S Pen จดบน Z Fold3 เราอาจจะใช้งานในโหมดแบ่งหน้าจอ Multitasking บ่อยกว่าการจดแบบเต็มจอ จึงทำให้ข้อเสียในส่วนนี้พอจะยอมรับได้บ้าง

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็ดี ในอนาคตเราเชื่อว่า Samsung อาจจะมีโซลูชันในการแก้เพนพอยต์ตรงนี้ได้ในที่สุด

 

การจดบันทึกใน Flex Mode บน Samsung Notes ระหว่างการประชุม Video Conference

 

ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน พร้อมคุณสมบัติกันน้ำ IPX8

ในเชิงการใช้งานจริงสำหรับมุมมองของคนที่มีโอกาสได้ทดลองจับและสัมผัสสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ของ Samsung มาตั้งแต่รุ่นแรกอย่าง Galaxy Fold เราพบว่า Samsung ได้ปรับปรุงให้ฟีลลิงของสัมผัสบอดี้ตัวเครื่อง Z Fold3 มีความแข็งแรงและลงตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฟิร์มมากขึ้นในเชิงการพับตัวเครื่องเข้าหรือกางออก แข็งแรงทนทาน ถึงขนาดที่ Samsung กล้าเคลมว่าเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้โมเดลแรกที่กันน้ำเกรด IPX8 

 

 

ตัวเครื่องมีขนาดที่เล็กลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ Galaxy Z Fold2 แต่ตัวจอยังใหญ่ตระการตาเช่นเดิม วัสดุตัวเครื่องจอด้านหน้าและบอดี้ด้านหลังใช้จอกระจกเกรด Gorilla® Glass® Victus™ บอดี้เครื่องเป็นกรอบอะลูมิเนียม จอหลักด้านในเป็นกระจกแบบ Samsung Ultra Thin Glass ซึ่งการที่ Samsung สามารถลดขนาดเครื่องลงเล็กน้อยแต่ยังคงความใหญ่ของจอไว้เช่นเคย ผลลัพธ์จึงทำให้ Galaxy Z Fold3 ให้ความรู้สึกเฟิร์ม กระชับเข้ากับมือมากขึ้น ไม่หนาเทอะทะจนเกินไป

 

หน้าจอใหญ่ รับชมได้เต็มตา ไร้จุดรบกวนด้วยกล้องซ่อนใต้จอ

จอด้านในเมื่อกางออกมาแล้วจะเป็นจอ Infinity Flex Display ขนาด 7.6 นิ้ว ข้อดีคือเป็นโมเดลแรกที่ Samsung ซ่อนกล้องหน้าให้ฝังอยู่ใต้จอแบบ Under Display Camera ซึ่งต้องอธิบายสำหรับคนที่ยังไม่ได้มีโอกาสทดลองสัมผัสเครื่องก่อนว่า ในที่นี้ เวลาใช้งาน จุดที่ฝังกล้องหน้าจะไม่ได้หายไปเลย แต่จะปรากฏขึ้นเป็นลักษณะวงกลมคล้ายมีตาข่ายใสๆ แทนเมื่อจอแสดงผลสีขาว (หรือหากปิดพักหน้าจอแล้วแหงนตัวกล้องให้ไฟตกกระทบ ก็จะเห็นบริเวณตำแหน่งกล้องหน้า) ทำให้เวลาถ่ายรูปผ่านกล้องหน้าก็ยังมองเห็นจุดโฟกัสอยู่

 

สังเกตว่าบริเวณที่เป็นกล้องหน้า แทบจะมองไม่เห็นแล้ว

 

แต่เมื่อจอแสดงผลสีดำหรือสีอื่นๆ (เวลาดูคอนเทนต์ความบันเทิง มิวสิกวิดีโอต่างๆ) จุดกล้องหน้า UDC นี้จะมีความชัดน้อยลง ซึ่งโดยส่วนตัวรู้สึกว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้กับเทคโนโลยีใหม่นี้ ไม่ได้กวนใจหรือรบกวนสายตา

 

พอแสดงผลได้เต็มตา เต็มอารมณ์มากขึ้น เลยทำให้เวลาดูคอนเทนต์ความบันเทิง ชมสตรีมมิงคอนเทนต์ต่างๆ ก็รู้สึกเต็มอิ่มขึ้นมากกว่าเดิมด้วย จากเดิมที่มีติ่งกล้องหน้ามากวนใจเป็นวงกลมปรากฏเด่นชัดในรุ่นก่อนๆ พอเป็น Galaxy Z Fold3 ถือว่า Samsung ทำการบ้านมาได้ยอดเยี่ยม (เราเชื่อว่าต่อไปในอนาคต UDC จะเป็นมาตรฐานใหม่ให้กับวงการสมาร์ทโฟน และจะแสดงผลได้เนียนตาเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่องมากกว่าเดิมเมื่อพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ)

 

ใช้งานกล้องสะดวกกว่าเคย ถ่ายรูปไม่มีพลาดด้วย Dual Preview

การใช้งานสำหรับการเซลฟีด้วยกล้องหลัก (3 เลนส์: Wide, Ultra Wide และ Tele ที่ความคมชัด 12 ล้านพิกเซล) ที่มาพร้อมกับ Galaxy Z Fold3 จึงทำให้เราสามารถใช้จอด้านนอกเป็นจอพรีวิวภาพถ่ายตัวเองได้เช่นเคย มีประโยชน์และสะดวกมากๆ

 

จะเซลฟีตัวเองด้วยกล้องหลักด้านหลัง เลนส์ 3 ตัว Wide, Ultra Wide และ Tele ที่ความคมชัด 12 ล้านพิกเซล ก็ไม่ติด

 

โดยเฉพาะการใช้ถ่ายรูปให้คนรักหรือเพื่อนๆ ที่มองไม่เห็นภาพถ่ายตัวเอง เพราะสามารถใช้จอคัฟเวอร์ด้านนอกพรีวิวให้กับผู้ถูกถ่ายเลือกดูหรือเช็กความเรียบร้อยของมุมกล้องที่ต้องการได้แบบเรียลไทม์ เรียกได้ว่าเหมาะสุดๆ กับคุณผู้ชายที่อาจจะไม่ได้ถนัดถ่ายรูปหรือจับกล้องมากนัก

 

หรือจะให้เพื่อนถ่ายรูปให้ พร้อมพรีวิวรูปให้ดูแบบเรียลไทม์ด้วยจอคัฟเวอร์ด้านนอกก็ทำได้สะดวกมากๆ

 

ส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 4400 mAh (Li Pro รองรับ Fast Charging 25W, Fast Wireless Charging 10W และ Reverse Wireless Charging 4.5W (ชาร์จให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ)) เพียงพอต่อการใช้งานหนักๆ ตลอดทั้งวันได้สบายๆ

 

มาถึงข้อมูลสีและราคากันบ้าง สำหรับ Galaxy Z Fold3 จะมาให้เลือกด้วยกันมากถึง 3 สี คือ Phantom Silver, Phantom Green และ Phantom Black (สีฮีโร่) ใช้วัสดุผิวสัมผัสแบบด้าน เรียบ เท่ หรู ลดการเกิดรอยนิ้วมือ ต่างจาก Z Fold2 ที่มีแค่ Mystic Black และ Mystic Bronze

 

สนนราคาจำหน่ายถูกกว่ารุ่นก่อนถึง 12,000 บาท และ 8,000 บาท โดยวางจำหน่ายด้วยราคาเปิดตัวที่ 57,900 บาท (256GB) และ 61,900 บาท (512GB) (Galaxy Fold และ Galaxy Z Fold2 เปิดตัวที่ 69,900 บาท) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โมเดล Z Fold มีขนาดความจุมาเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งานอีกต่างหาก

 

โดยสรุปก็คือ ส่วนตัวเราค่อนข้างประทับใจ Galaxy Z Fold3 มากๆ และก็เชื่อเช่นกันว่ากลุ่มคนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ของ Samsung Galaxy Fold ตามกันมาตั้งแต่รุ่นแรกๆ ย่อมต้องไม่พลาดและจะหลงรักมันหัวปักหัวปำอย่างแน่นอน เพราะถ้าตัดข้อสังเกตของเราในบางจุดออกไป นี่จะเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ของ Samsung ที่พัฒนามาจนถึงขีดสุดในหลายๆ มุมแล้ว

 

แถมอย่างที่ได้บอกไปคือ ทุกข้อเรียกร้องที่ผู้ใช้งาน Galaxy Fold หรือ Galaxy Z Fold2 เคยมีมา ได้รับการพัฒนาให้เกิดขึ้นในโมเดล Galaxy Z Fold3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

กล้องหลังเลนส์ 3 ตัว Wide, Ultra Wide และ Tele ที่ความคมชัด 12 ล้านพิกเซล 

 

และสำหรับใครที่เป็นมือใหม่ อยากลองใช้สมาร์ทหน้าโฟนจอพับได้ หรือเป็นกลุ่มนักลงทุน ผู้บริหารที่อยากได้สมาร์ทโฟนจอใหญ่ๆ รองรับการใช้งานในโหมดแบบแท็บเล็ตกึ่งไฮบริดแบบ Phablet เจ้า Galaxy Z Fold3 ก็น่าจะตอบโจทย์คุณได้ดีมากๆ แน่นอน เพียงแต่สิ่งที่เราเน้นย้ำเสมอมาคือยากให้คุณได้มีโอกาสไปทดลองจับตัวเครื่องจริง แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าถูกจริตกับมันจริงๆ หรือเปล่า

 

สำหรับข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้ที่ https://www.samsung.com/global/galaxy/galaxy-z-fold3-5g/specs/ และ https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-z-fold3-5g/buy/ 

 

Galaxy Z Flip3 เมื่อกางจอแบบปกติ หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว รองรับ Refresh Rate 120Hz แสดงผลสีสวยสดงดงาม

 

‘ของมันต้องมี’ คำจำกัดความ Galaxy Z Flip3 5G สมาร์ทโฟนที่แท้ทรู เหมาะสุดๆ กับเหล่าอินฟลูฯ บล็อกเกอร์

อีกโมเดลที่เปิดตัวมาพร้อมกันอย่าง Galaxy Z Flip3 สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ (พับจากบนลงล่าง) เป็นสมาร์ทโฟนในเจเนอเรชันที่สองของตระกูล Z Flip ที่เปลี่ยนชื่อกระโดดมาเป็น Z Flip3 เพื่อความง่ายต่อการจดจำให้คล้องจองไปกับ Z Fold3 เลย 

 

จอขนาด 6.7 นิ้ว ใหญ่ แสดงผลเต็มตา เต็มอารมณ์

 

Galaxy Z Flip3 มาพร้อมกับขนาดหน้าจอที่ 6.7 นิ้ว รองรับ Refresh Rate 120Hz เหมือนใน Galaxy Z Fold3 5G วัสดุหน้าจอตัวเครี่องใช้กระจกแบบ Gorilla® Glass® Victus™ และวัสดุเครื่องเป็น Armor Aluminum และกันน้ำระดับ IPX8 เหมือนกับใน Z Fold3 (แต่ไม่รองรับการใช้งานคู่กับ S Pen)

 

โดย Galaxy Z Flip3 5G จะยังคงมีน้ำหนักเบาเท่าเดิม (น้ำหนักกะทัดรัด พอดีๆ ไม่เบาโหวงหรือหนักจนเกินไป) แต่ถูกปรับและออกแบบให้กะทัดรัดลงเล็กน้อย จาก Z Flip 

 

 

ตัวเครื่องใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 888 (5 นาโนเมตร) Ram 8GB มี 2 ขนาดหน่วยความจำให้เลือก คือ 128GB และ 256GB ตัวกล้องหน้าเลนส์เดี่ยว 10 ล้านพิกเซล กล้องหลังเลนส์คู่ 12 ล้านพิกเซล (Wide และ Ultra Wide) แบตเตอรี่ 3300 mAh รองรับ Fast Charging 15W, Fast Wireless Charging 10W และเพิ่ม Reverse Wireless Charging 4.5W ขึ้นมาให้จาก Z Flip เดิม

 

โดยรวมความรู้สึกเวลาใช้งานจอ 6.7 นิ้ว จะพบว่า เป็นขนาดจอที่ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนตัวแฟลกชิปอย่าง Galaxy S21+ 5G ซึ่งความพิเศษก็คือการที่ตัวเครื่องสามารถพับจอลงมาได้นั่นเอง เลยทำให้ง่ายต่อการพกพา เก็บใส่เข้ากระเป๋า Micro-Bag หรือกระเป๋าสะพายคุณผู้หญิง กระเป๋าเสื้อคุณผู้ชายได้อย่างสบายๆ หายห่วง 

 

การใช้งานแบบ Flex Mode ที่แบ่งแอปพลิเคชันใช้งานในเวลาเดียวกันได้สูงสุด 2 แอปฯ

 

หรือจะใช้ Flex Mode ตั้งกล้องเซลฟี ถ่ายวิดีโอ ประชุมงาน วิดีโอคอลคุยกับคนรักก็ทำได้ไม่ต้องเมื่อยมือหาที่พิงอีกต่อไป

 

เอกลักษณ์ของการใช้งานในแบบ Flex Mode หรือการพับจอลงครึ่งหนึ่งใน Galaxy Z Flip3 ยังมีมาให้เช่นเดิม ทำให้เราสามารถตั้งมือถือไว้กับโต๊ะหรือพื้นผิวแบบราบ เพื่อถ่ายรูปตัวเอง,​ คุยวิดีโอคอลกับเพื่อน คนรัก หรืออัดคอนเทนต์สำหรับ Vlogger หรือบล็อกเกอร์ก็ทำได้ ไม่มีปัญหา ไม่ต้องง้อ Griptok ที่พิงตั้งสมาร์ทโฟน หรือถือให้เมื่อยแขนเมื่อยมือเป็นเวลานานๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะใช้ความสามารถในการพับจอเครื่องเข้าตอบเพนพอยต์ทั้งหมดได้แบบปลิดทิ้ง

 

จอด้านนอก Informative Screen 1.9 นิ้ว แสดงผลได้ตามการปรับตั้งค่าแบบอิสระ สะดวก

 

มาต่อกันในส่วนที่ปรับปรุงขึ้นชัดเจนกันบ้าง อย่างจอด้านนอก Informative Screen ปรับให้ใหญ่ขึ้นเป็น 1.9 นิ้ว (ใหญ่กว่าจอแบบเดิม Indicator ในรุ่นก่อนถึง 4 เท่า) เพื่อให้แสดงผลข้อความต่างๆ และมีประโยชน์ในเชิงการใช้งานกว่าเดิม ข้อดีคือเวลาใช้กล้องหลังหรือกล้องหน้าเซลฟีตัวเอง ก็สามารถใช้จอ Informative แสดงผลพรีวิวภาพให้เราหรือคนที่ถูกถ่ายภาพดูได้ มองเห็นชัดขึ้น

 

ที่สำคัญอีกจุดหนึ่งที่ส่วนตัวชอบมากๆ คือเรายังปรับแต่งการแสดงผลบนจอ Informative ได้อิสระตามความชื่นชอบเลย มีทั้งกราฟิกบอกวันเวลาในหลายเวอร์ชันภาพเคลื่อนไหว, การแสดงผลข้อมูลอุณหภูมิ สถานที่แวดล้อม, แชทข้อความ หรือการแสดงผลเพลงที่เปิดเล่น ซึ่งสามารถควบคุมได้ผ่าน Informative Screen ทันที

 

Galaxy Z Flip3 มีมาให้เลือกด้วยกันมากถึง 4 สี ได้แก่ ครีม Beige (สีฮีโร่), ม่วง Lavender, เขียว Green และดำ Phantom Black (ผิวสัมผัสด้าน) โดยยกเว้นสีดำที่เป็นพื้นผิวสัมผัสแบบด้าน สีอื่นจะเป็นพื้นผิว Glossy แบบเงาหมดเลย 

 

สนนราคาจำหน่ายที่ 34,900 บาท (128GB) และ 36,900 บาท (256GB) ซึ่งถือเป็นราคาที่ถูกกว่ารุ่นแรก Z Flip ที่มีราคาจำหน่ายช่วงเปิดตัวที่ 44,900 บาท ลงเกือบ 10,000 บาทเลยด้วยซ้ำ

 

พรีวิวภาพถ่ายให้เพื่อนๆ เห็นได้ทันที ไม่ต้องเดินมาดูที่หน้าจอมือถือให้เสียเวลากด Snap ภาพ

 

โดยสรุปคือ ถ้ามองในเกณฑ์ราคา ณ เวลานี้ บวกกับความสามารถและนวัตกรรมหน้าจอพับได้ที่ยัดลงมาในแฟลกชิปอย่าง Galaxy Z Flip3 แล้วละก็ ต้องยอมรับจริงๆ ว่าสมาร์ทโฟนที่คุณสาวๆ หลายคนชื่นชอบในดีไซน์ตลับแป้งของมันเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก 

 

ยิ่งเมื่อเทียบกับประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ ที่คุณจะได้รับจาก Flex Mode และจอ Informative Screen รวมถึงความหวือหวา ความโดดเด่นที่พกพาไปไหนมาไหน หรือหยิบจากกระเป๋าขึ้นมาใช้ก็ต้องมีแต่คนเหลียวมองหรือถูกทักแน่นอน ก็ยิ่งทำให้ Galaxy Z Flip3 เป็นทางเลือกที่น่าสนใจขึ้นไปอีก

 

เมื่อพับจอ ตัวเครื่องจะมีขนาดที่ 4.2 นิ้ว เก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ, Micro-Bag หรือจะพกพาไปไหนมาไหนก็กะทัดรัด ไม่เป็นปัญหา

 

ที่สุดแล้วเราก็เชื่อว่า ผู้ใช้งาน Z Flip3 5G ส่วนใหญ่มีแนวโน้มความน่าจะเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบความทันสมัย ใส่ใจแฟชั่นและเทรนด์โลก ซึ่งสิ่งที่ Samsung ใส่มาให้ใน Galaxy Z Flip3 ก็ยังเป็นสิ่งที่ค่ายอื่นๆ ยังทำตามไม่ได้ เลยทำให้จุดต่างข้อนี้จะเป็นข้อได้เปรียบที่จะทำให้สมาร์ทโฟนของพวกเขาช่วงชิงความสนใจจากผู้ใช้งานในระยะยาวได้ในที่สุดอยู่ดี

 

สำหรับข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้ที่ https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-z-flip3-5g/ หรือ https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-z-flip3-5g/buy/   

 

และถึงจะยังเปิดตัวได้ไม่ถึงเดือนดี (วันเปิดตัว 11 สิงหาคม 2021) แต่สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ทั้งสองโมเดลในซีรีส์ล่าสุดของ Samsung ทั้ง Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 ก็ฉายแววความน่าประทับใจในเชิงยอดขายแล้ว เพราะล่าสุดทาง Samsung ออกมาเปิดเผยว่ายอดสั่งจองซื้อเครื่องล่วงหน้าทั้งสองรุ่นมีจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่การเปิดตัว Galaxy Fold ครั้งแรกเมื่อปี 2019 โดยเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับยอดพรีออร์เดอร์ของ Galaxy Z Fold2 5G และ Galaxy Z Flip เลยทีเดียว

 

แน่นอนว่าลำพังการหยิบยอดขายและจำนวนออร์เดอร์สั่งซื้อ Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 ล่วงหน้ามาประเมินภาพรวม อาจไม่ใช่หลักเกณฑ์ที่ชี้ชัดหรือการันตีได้ว่าสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้จาก Samsung ทั้ง 2 โมเดลนี้จะน่าประทับใจและโดดเด่นสุดๆ เว้นเสียว่าจะได้ทดลองใช้งานด้วยตัวเองจริงๆ 

 

ซึ่งทั้งหมดที่เราเขียนมาให้คุณได้ลองนำไปเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจคือมุมมองความรู้สึกส่วนตัวจากการที่เราได้มีโอกาสลองใช้ Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 เบื้องต้น และเชื่อว่าน่าจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์กับเหล่านักลงทุน เจ้าของธุรกิจ ผู้บริหารที่กำลังมองหาตัวช่วยความโปรดักทีฟของคุณอยู่ไม่น้อย

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising