ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าถ้าเราต้อง Work from Home กันไปแบบยาวๆ และใช้ชีวิตอยู่แบบเว้นระยะห่างทางสังคม รับมือกับสถานการณ์โควิดเช่นนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ‘อะไร’ จะเป็นตัวช่วยให้เรา บริษัท หรือองค์กรต่างๆ ยังคงดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในนั้นคงเป็นการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และความก้าวหน้าทางดิจิทัลเข้ามาช่วยดำเนินธุรกิจให้ราบรื่น ซึ่งแบรนด์ ‘ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น’ ก็เป็นอีกหนึ่งในแบรนด์ที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการงานเอกสารหลากหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็น Hard Copy และดิจิทัลไฟล์ และสนับสนุน Work from Anywhere หรือ Work from Home มาอย่างต่อเนื่อง
จากความร่วมมือของสององค์กรยักษ์ใหญ่ FUJIFILM และ Xerox เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโซลูชันด้านองค์กรสำนักงานจากการพัฒนาความสามารถและผลิตภัณฑ์ ชูจุดแข็งด้านนี้มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ
แต่แน่นอนว่าทุกความร่วมมือย่อมต้องมีจุดเปลี่ยน หลังเริ่มต้นธุรกิจมากว่า 6 ทศวรรษ และสิ้นสุดสัญญาทางเทคนิคกับ Xerox วันนี้ Fuji Xerox จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘บริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น’ (FUJIFILM Business Innovation) เพื่อประกาศจุดยืนการเป็นผู้นำนวัตกรรมธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านงานเอกสารแบบครบวงจร และขยายฐานการดำเนินงานไปทั่วโลกอย่างจริงจังมากขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมใหม่ๆ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ แล้ว FUJIFILM Business Innovation ทำอะไรมาก่อนล่ะ? ภายใต้ชื่อใหม่นี้ พวกเขาจะมีจุดเด่นและสร้างจุดยืนของการดำเนินธุรกิจอย่างไร?
‘FUJIFILM Business Innovation’ ชื่อใหม่ แต่นวัตกรรมและคุณภาพบริการ ‘เก่ง’ กว่าเดิม
เดิมทีเราอาจจะคุ้นเคยหรือผ่านตากับชื่อ Fuji Xerox มาจากโลโก้ที่ติดแนบการันตีคุณภาพความดีงามบนเครื่องถ่ายเอกสารแบบมัลติฟังก์ชันที่ใช้กันในสำนักงานของคุณ
ย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้น Fuji Xerox ก่อตั้งธุรกิจและให้บริการในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2510 (1967) ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสาร ก่อนจะพัฒนานวัตกรรมโซลูชันเครื่องพิมพ์และเครื่องมัลติฟังก์ชันสำหรับสำนักงาน โดยมีแนวคิดหลักในการทำธุรกิจคือคำนึงถึงลูกค้าเป็น ‘จุดศูนย์กลาง’ จนทำให้ได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้ามาเหนียวแน่นเสมอมา
จากเดิมที่ผลิตฮาร์ดแวร์เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน ก็ค่อยๆ ขยับมาพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองมีความหลากหลาย ต่อยอดไปสู่โซลูชันด้านงานเอกสารที่ทำให้ลูกค้าสามารถดูแลงานเอกสารต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบระเบียบ
กระทั่งเปลี่ยนผ่านมาสู่การใช้ชื่อ FUJIFILM Business Innovation เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นการเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ของพวกเขาบนเส้นทางเดิม
ข้อแรกที่เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนคือ แม้จะเปลี่ยนชื่อไปแล้วเป็น FUJIFILM Business Innovation แต่บริการต่างๆ ที่ลูกค้าได้รับจะยังคงได้รับการดูแลอย่างดีตามเดิมภายใต้สัญญาสินค้า ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น และยังดีขึ้นกว่าเดิมในบางมุมด้วยซ้ำ ทั้งในด้านการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการได้อย่างชาญฉลาด สะดวก ง่าย และคล่องตัว
ข้อต่อมาคือ จุดยืนของ ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น ในตอนนี้คือการเป็น ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านงานเอกสารแบบครบวงจร’ เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจและลูกค้าทุกรายสามารถทรานฟอร์มธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดผ่านผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทางธุรกิจที่มีอยู่ในมือของ FUJIFILM Business Innovation ซึ่งปัจจุบันจะแยกออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ฮาร์ดแวร์ (ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้) และบริการโซลูชันซอฟต์แวร์ เช่น
- ธุรกิจเครื่องพิมพ์และเครื่องมัลติฟังก์ชันสำหรับสำนักงาน – จำพวก เครื่องพิมพ์, ถ่ายเอกสาร, สแกนแบบจบในเครื่องเดียว ช่วยให้ภาคองค์กรธุรกิจต่างๆ และผู้ใช้งานกลุ่ม Users ทั่วไปสามารถจัดการงานด้านเอกสารแบบออฟไลน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ธุรกิจเครื่องพิมพ์ดิจิทัลและโซลูชันสำหรับธุรกิจสิ่งพิมพ์ – บริการเครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัลที่ช่วยให้งานพิมพ์ต่างๆ มีคุณภาพขั้นสูงสุด ตอบสนองความต้องการของงานออกแบบและงานสื่อสิ่งพิมพ์ได้โดยเฉพาะ
- ธุรกิจโซลูชันและบริการงานเอกสารแบบครบวงจร (บริการโซลูชัน) – บริการโซลูชันด้านเอกสารเพื่อแก้ปัญหาตามประเภทธุรกิจและลักษณะงาน ซึ่งฝั่งผลิตภัณฑ์กลุ่มบริการโซลูชันนี้ก็จะประกอบไปด้วย โซลูชันทางธุรกิจที่หลากหลาย ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับลูกค้ากลุ่มธุรกิจเพื่อให้สามารถบริหารงานและดำเนินธุรกิจได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น
Document Management Service ระบบการจัดเก็บเอกสารรูปแบบดิจิทัล เช่น DocuShare และ DocuWorks ซึ่งเป็นโซลูชันที่ใช้งานง่าย เปลี่ยนเอกสารกระดาษมาเป็นไฟล์ดิจิทัล และสามารถรวบรวมข้อมูลเอกสาร การแก้ไขเอกสาร และอนุมัติงานได้ด้วยระบบ E-Signature สามารถทํางานได้ทุกที่ทุกเวลา เหมาะสำหรับช่วง Work from Home มาก
All-in-one Workplace Platform ระบบ Cloud Service ที่ช่วยให้การทำงานสะดวกมากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนแบบฟอร์มต่างๆ (Excel, Word, กระดาษ และอื่นๆ) ให้อยู่ในรูปแบบแอปพลิเคชันที่สามารถออกแบบและใช้งานง่าย ช่วยให้รวบรวม จัดเก็บ และแชร์ ข้อมูลภายในองค์กรอนุมัติเอกสารออนไลน์ (Approve Workflow) สรุปรายงานได้อย่างรวดเร็วในรูปแบบกราฟ หรือชาร์ตต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารร่วมกันภายในองค์กร
RPA (Robotic Process Automation) ซอฟต์แวร์บริหารจัดการข้อมูล หรือกระบวนการทํางานที่หลากหลายจํานวนมาก ประเภทงานที่ต้องทําด้วยรูปแบบซ้ำๆ และมีเงื่อนไขที่ชัดเจน ทําให้การจัดการข้อมูลมีความแม่นยํา เพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานมากย่ิงข้ึน ช่วยลดระยะเวลาการทำงานแบบ Manual ลดต้นทุน ลดข้อผิดพลาดในการทำงานของมนุษย์ (Human Error) และเพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจทางธุรกิจ
e-Tax Solution บริการให้คำปรึกษาการจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะช่วยลดขั้นตอนในการจัดเตรียมเอกสาร และลดค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง เพราะสามารถส่งผ่านทางอีเมลได้อัตโนมัติ
เสริมแกร่งพอร์ตธุรกิจเพื่อการเข้าถึงบริการที่หลากหลาย และ ‘ไม่จำกัดแค่โซลูชันการพิมพ์’ หรืองานเอกสารอีกต่อไป
นอกเหนือจากบริการและโซลูชันด้านงานเอกสารออฟไลน์และออนไลน์ การรวมแผนกและทีมงานเดิมใน Fuji Xerox ไปสู่ FUJIFILM Business Innovation จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ FUJIFILM Group แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างมหาศาล
ส่วนฝั่ง FUJIFILM Business Innovation ก็จะได้เทคโนโยีของ FUJIFILM Group มาใช้ครบวงจรเพื่อยกระดับ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในหลากมิติ
เช่น บริการโซลูชัน ‘Health Care’ ที่มีการพัฒนา AI สําหรับการวินิจฉัยตรวจโรคโดยเฉพาะ, Film สําหรับถ่ายภาพ หรือแม้กระท่ัง ‘เครื่องสําอาง’ มาพัฒนาสินค้า และบริการของเราให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
และนี่ก็คือทั้งหมดที่คุณจะได้รับจากการใช้บริการและผลิตภัณฑ์ของ FUJIFILM Business Innovation ที่ไม่ใช่แค่ได้เหมือนเดิมตอนเป็น ‘ฟูจิ ซีร็อกซ์’ เท่านั้น แต่ดีกว่าเดิมและครบเครื่องกว่าเก่าเมื่อเป็น FUJIFILM Business Innovation ทั้งยังช่วยให้ภาคธุรกิจและงานที่คุณทำเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง ไร้ทุกข้อจำกัดและข้อกังวลใจภายใต้ต้นทุน การใช้ทรัพยากรคนและเวลาที่น้อยที่สุด
สำหรับผู้ที่สนใจบริการและผลิตภัณฑ์ของ FUJIFILM สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.fujifilm.com/th/th/business/graphic, LINE Official: @fbth และ Facebook Page: Fujifilm BI Thailand