เมื่อปี 2014 เว็บเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Mt.Gox ถูกแฮ็ก Bitcoin ไปจำนวนมากถึง 840,000 BTC ทำให้ความเชื่อมั่นตลาดในเวลานั้นแย่มาก และทำให้ตลาดคริปโตเข้าสู่สภาวะตลาดหมีอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์จาก Chainalysis เผยว่า การล่มสลายของ FTX ในปี 2022 อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโตน้อยกว่าเหตุการณ์ Mt.Gox
สรุปเหตุการณ์ Mt.Gox และ FTX
Mt.Gox เคยเป็นเว็บเทรดสกุลเงินดิจิทัลของโตเกียวที่ดำเนินการในระหว่างปี 2010-2014 ก่อตั้งโดย เจด แมคคาเลบ ซึ่งเขาได้ขายบริษัทให้กับ มาร์ก คาร์เพเลส ในเดือนมีนาคม ปี 2011 และถือหุ้นเป็นส่วนน้อย ก่อนที่เว็บเทรดจะล่มสลายในปี 2014 แมคคาเลบเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Ripple หรือเหรียญ XRP ก่อนที่เขาจะลาออกเพื่อไปพัฒนาแพลตฟอร์มการชำระเงินของตนเองอย่าง Stellar นั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum และทิศทางในอนาคตของเหรียญ ETH
- สรุปการล่มสลายของ FTX ที่อาจจุดชนวนวิกฤตในตลาดคริปโต
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
ในยุคนั้น Mt.Gox เป็นแพลตฟอร์มซื้อ-ขายสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งมีส่วนแบ่งประมาณ 70% ของธุรกรรม Bitcoin ทั่วโลก
เหตุการณ์ฝันร้ายของนักลงทุนได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเว็บเทรดถูกแฮ็ก Bitcoin ไปจำนวนมากถึง 840,000 BTC ทำให้บริษัทต้องปิดกิจการและยื่นล้มละลายในปี 2014 และมี Bitcoin เพียง 200,000 BTC เท่านั้นที่สามารถกู้คืนกลับมาได้ โดยส่วนที่เหลือยังคงสูญหายไป
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ความเชื่อมั่นตลาดในเวลานั้นแย่มาก และทำให้ตลาดคริปโตเข้าสู่สภาวะตลาดหมีอย่างยาวนาน
การล่มสลายของ FTX ในเดือนที่ผ่านมามีความคล้ายคลึงกับ Mt.Gox เนื่องจากทั้งคู่เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ต้นๆ ของโลกทั้งคู่ โดย FTX เคยเป็นเว็บเทรดคริปโตอันดับ 2 ของโลก ก่อนที่จะประกาศล้มละลาย
หลังจากที่ FTX ยื่นเรื่องล้มละลายได้ไม่นานก็มีข่าวว่าเว็บเทรดถูกแฮ็ก แต่ปัจจัยที่ทำให้ FTX ต้องล่มสลายมาจากความกลัวที่ถาโถมเข้ามาในตลาดว่า FTX อาจล้มละลายตามรอยบริษัท Celsius เนื่องจากความกังวลที่นักลงทุนมีต่อเหรียญ FTT ซึ่งเป็นโทเคนดั้งเดิมของแพลตฟอร์ม ทำให้นักลงทุนแห่ถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องจนต้องหยุดการถอนเงินและประกาศล้มละลายในที่สุด
Chainalysis เผยว่า การล่มสลายของ FTX อาจไม่ร้ายแรงเท่า Mt.Gox
บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Chainalysis เปิดเผยว่า การล่มสลายของ FTX จะไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวมเท่าเหตุการณ์ Mt.Gox
อีริก จาร์ดีน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Chainalysis วิเคราะห์ว่า เว็บเทรด Mt.Gox มีกระแสเงินไหลเข้าในเว็บเทรด (Exchange Inflows) เฉลี่ย 46% ของทั้งหมด ก่อนที่จะล่มสลายในปี 2014 ขณะที่ FTX มีกระแสเงินไหลเข้าในเว็บเทรดเพียง 13% ในปี 2019-2022
นอกจากนี้เมื่อปี 2014 Mt.Gox ยังเป็นผู้เล่นรายใหญ่เพียงรายเดียวในตลาดแบบรวมศูนย์ ในขณะที่ปี 2022 ตลาดคริปโตมีเว็บเทรดแบบรวมศูนย์หลายแห่ง รวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายอำนาจ (DEX) เช่น Uniswap และ Curve
นักวิเคราะห์จาร์ดีนยังเชื่อว่า เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของตลาด อุตสาหกรรมคริปโตจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม
เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ที่มีความไม่แน่นอนสูงมาก อย่าลืมว่า ‘Not Your Key, Not Your Coins’ การจัดเก็บสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนักลงทุนในขณะนี้คงมีเพียง Hardware Wallet เท่านั้น
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: