×

FSMART ทุ่ม 167 ล้านบาท ถือหุ้น ‘ตู้เต่าบิน’ เพิ่มเป็น 26.71% หวังรับรู้กำไรมากขึ้น คาดดีลเสร็จสิ้นเดือนนี้

13.05.2022
  • LOADING...
ตู้เต่าบิน

ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส หรือ FSMART ลงทุนใน ‘ตู้เต่าบิน’ เพิ่มเป็น 26.71% จาก 19.34% เพื่อรับรู้กำไรส่วนได้ส่วนเสียเพิ่ม คาดกระบวนแล้วเสร็จสิ้นเดือนนี้ พร้อมคงเป้าหมายยอดใช้บริการโตปีนี้ 10-15% 

 

ณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส หรือ FSMART ผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติและการเงินครบวงจรภายใต้ชื่อ  บุญเติม เปิดเผยว่า บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจ ‘เต่าบิน’ ผ่านบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด จากเดิม 19.34% เป็น 26.71% คิดเป็นเงินลงทุน 167 ล้านบาท 

 

โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะสามารถสะท้อนกำไรส่วนได้ส่วนเสียจากเต่าบินสู่บริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งคาดว่ากระบวนการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจะเสร็จสิ้นได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้

 

ทั้งนี้ คาเฟอัตโนมัติ ‘เต่าบิน’ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด ถือว่าประสบความสำเร็จทั้งด้านกระแสการตอบรับและยอดขายเป็นอย่างมาก ปัจจุบันให้บริการเครื่องดื่มกว่า 170 เมนู ตลอด 24 ชั่วโมง รองรับด้วยระบบรับชำระทุกรูปแบบ และศูนย์ดูแลบริการลูกค้าภายใต้ระบบจัดการของบุญเติม ซึ่งขณะนี้มีให้บริการแล้วกว่า 1,200 จุด ด้วยยอดขาย 1 แสนแก้วต่อวัน โดยบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง มีแผนเพิ่มจุดให้บริการเป็น 20,000 จุดทั่วประเทศใน 3 ปี และวางเป้าหมายยอดขาย 50 แก้วต่อตู้ต่อวัน หรือรวมเป็น 1 ล้านแก้วต่อวัน 

 

“การตอบรับของคาเฟ่อัตโนมัติ ‘เต่าบิน’ ที่ดีอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจที่พร้อมจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยการเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นจะช่วยผลักดันให้กลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและการกระจายสินค้าของบริษัทเติบโตขึ้น เพิ่มเติมจากกลุ่มธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ และกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลประกอบการโดยรวมเพิ่มขึ้นตามลำดับ” ณรงค์ศักดิ์กล่าว 

 

ทั้งนี้ FSMART ยังคงเป้าหมายการเติบโตโดยรวมปีนี้ไว้ที่ 10-15% ด้วยการบริหาร 3 แพลตฟอร์ม ที่ให้บริการทั้งในแบบออฟไลน์และออนไลน์ผ่านตู้บุญเติม เคาน์เตอร์แคชเชียร์ และแอปพลิเคชันบนมือถือ ในการขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิมกว่า 16 ล้านราย และกลุ่มลูกค้าองค์กร โดยกลุ่มธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ ยังคงมีผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ได้ขยายฐานลูกค้าใหม่ด้วยบริการแอปพลิเคชันบนมือถือสำหรับลูกค้าองค์กร ให้สามารถใช้บริการธุรกรรมทางการเงินแบบครบวงจร และซื้อสินค้ารวมถึงบริการต่างๆ จากคู่ค้าของบริษัท 

 

ขณะที่กลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร บริษัทยังคงมุ่งผลักดันตู้บุญเติมให้เป็นธนาคารชุมชนครบวงจร และผู้ให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรทั้งบริการฝาก โอน ถอนเงินสด และให้บริการ e-KYC ผ่านตู้บุญเติม เคาน์เตอร์แคชเชียร์และแอปพลิเคชัน โดยยังเดินหน้าเพิ่มการเป็นตัวแทนธนาคารและกลุ่ม Non-Bank อย่างน้อย 2 ราย และขยายตู้บุญเติม Mini ATM ให้ได้ 10,000 จุดทั่วประเทศภายใน 3 ปี รวมถึงเร่งพัฒนาบริการให้รองรับได้ทั้งในประเทศและโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่และขยายขอบเขตบริการ ผลักดันให้จำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้น 15-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้

 

สำหรับบริการด้านสินเชื่อในวงเงิน 1,000 ล้านบาท ที่จะเป็นหนึ่งใน New S-Curve ของบริษัทนั้น ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่ตอบโจทย์ฐานลูกค้ามากกว่า 16 ล้านราย และลูกค้าองค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มมือถือและเครื่องใช้ไฟฟ้า ผ่านช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ที่สะดวกต่อการเข้าถึงของทุกกลุ่มลูกค้า ทั้งบริษัทได้เตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่ด้านสินเชื่อที่พร้อมนำเสนอให้กับลูกค้าในทุกช่องทางเพื่อขยายฐานรายได้ของบริษัทให้มากขึ้นด้วย

 

ผลประกอบการไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม 589.23 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 80.94  ล้านบาท โดยไตรมาสนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และค่าครองชีพที่สูงขึ้น อีกทั้งไม่มีมาตรการรัฐช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย ทำให้กำลังซื้อของผู้ใช้บริการชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงรักษาฐานลูกค้าให้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจำนวนรายการบริการฝาก-โอนเงินในไตรมาสนี้ที่มีมากกว่า 1.6 ล้านครั้งต่อเดือน และบริการเติมเงิน E-Wallet ผ่านตู้บุญเติมมากกว่า 1,817 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้บริการผ่านช่องทางบุญเติมอยู่จำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ จะมีแนวโน้มดีขึ้นต่อไป 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising