อนาคตที่ยังคลุมเครือของ แฟรงกี เดอ ยอง ระหว่างบาร์เซโลนา-แมนฯ ยูไนเต็ด-เชลซี

เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้วนับจากที่เริ่มมีกระแสข่าวการย้ายทีมของ แฟรงกี เดอ ยอง กองกลางดาวเด่นทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่ เอริก เทน ฮาก ต้องการได้มาเป็นแกนกลางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของเขา แต่ถึงขนาดมีการตกลงค่าตัวกันได้ระหว่าง 2 สโมสรแล้ว การย้ายทีมก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด

เกิดอะไรขึ้นกับเรื่องนี้ และเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางใด?

ทบทวนเรื่องราวกันแบบสั้นๆ คือ เดอ ยอง เป็นเป้าหมายที่แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการตัวในระดับ A-List เรียกว่าเป็นนักเตะที่จะเป็นจิ๊กซอว์คนสำคัญในทีมยุคใหม่ภายใต้การนำของผู้จัดการทีมที่เคยเป็นเจ้านายเก่าอย่างเทน ฮาก

ขณะที่บาร์เซโลนาเอง แม้จะออกปากว่าเดอ ยอง คือนักเตะคนสำคัญ แต่นั่นเป็นเพียงแค่คำพูด เพราะในทางปฏิบัติแล้ว สโมสรมีท่าทีชัดเจนว่าต้องการที่จะขายกองกลางวัย 25 ปี ออกไปให้ได้ในช่วงตลาดฤดูร้อนนี้ เพื่อบรรเทาสภาวะความตึงเครียดทางการเงินของสโมสรลง ถึงแม้ว่าจะได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมบางส่วนจากส่วนแบ่งเงินรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด จนได้รับเงินก้อนโตที่ช่วยให้หายใจหายคอคล่องขึ้น และสามารถเสริมทีมตามเป้าหมายด้วยนักเตะอย่าง ราฟินญา และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี

ชาบี เอร์นานเดซ นายใหญ่บาร์ซา ก็ส่งสัญญาณบางอย่างด้วยการจับเดอ ยอง เป็นตัวสำรองในเกมอุ่นเครื่องนัดที่พบกับอินเตอร์ ไมอามี สโมสรของ เดวิด เบ็คแฮม

เรื่องนี้ถามว่าเดอ ยอง รับรู้จุดยืนของสโมสรไหม? กองกลางชาวดัตช์รู้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากถึงอย่างไรการเล่นให้บาร์เซโลนาคือความฝันมาตลอดชีวิต และยังต้องการพิสูจน์ตัวเองในคัมป์นูอยู่ ไม่นับเรื่องส่วนตัวที่เพิ่งลงหลักปักฐานครอบครัวในคาตาลัน ทำให้เกิดอาการดื้อแพ่งในการย้ายทีมอย่างที่เป็นมาโดยตลอด

จุดที่เดอ ยอง อยู่ในเวลานี้ สามารถบอกได้ว่า กลับตัวก็ไม่ได้ จะให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เหมือนมีอะไรที่ดึง ไม่ให้เราเลือกทางใด

อย่างไรก็ดี หากจำเป็นที่จะต้องย้ายออกจากคัมป์นูจริงๆ ดูเหมือนเดอ ยอง ก็ต้องการที่จะเป็นคนกำหนดเส้นทางของตัวเอง ด้วยการย้ายไปอยู่กับทีมที่ตอบโจทย์กับชีวิต

และเมื่อโจทย์นั้นคือการได้เล่นฟุตบอลในระดับยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นั่นทำให้ทีมที่ไม่ได้เล่นในถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรปในฤดูกาลนี้อย่างแมนฯ ยูไนเต็ด ทำอะไรไม่ได้นอกจากการเฝ้ารอ รอจนกว่าที่เดอ ยอง จะเปลี่ยนใจ

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าเดอ ยอง เริ่มทำใจยอมรับการย้ายมาเล่นในโอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งข้อดีคือเขาจะได้เล่นบท ‘พระเอก’ ในระบบที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี และอยู่ในการดูแลของอดีตเจ้านายที่รู้จักและรู้ใจดีที่สุดอย่างเทน ฮาก

แต่ประเด็นข่าวเรื่องของเงินค่าจ้างที่บาร์เซโลนาผัดผ่อนมา ทำให้การเจรจาชะงักงัน และสถานการณ์ในเวลานี้ต้องบอกว่าเริ่มมีความคลุมเครือยิ่งขึ้นกว่าเดิม เมื่อมีตัวละครใหม่อย่างเชลซีที่กระโดดมาร่วมวงด้วย

เชลซีในยุคใหม่ของ ทอดด์ โบห์ลีย์ ต้องการนักเตะระดับท็อปเข้ามาเสริมทีมเช่นกัน หลังจากที่ได้มาแค่ ราฮีม สเตอร์ลิง (และปฏิเสธโอกาสการเซ็นสัญญากับ คริสเตียโน โรนัลโด) และ คาลิดู คูลิบาลี แต่พลาด ราฟินญา ที่ปักใจให้กับบาร์ซามาโดยตลอด

โอกาสในการได้กองกลางระดับท็อปอย่างเดอ ยอง มาร่วมทีม ถือว่ามีความน่าสนใจ แม้ว่าในแดนกลางของทีมจะค่อนข้างแน่นด้วยนักเตะอย่าง เอ็นโกโล ก็องเต, มาเตโอ โควาซิช, จอร์จินโญ, รูเบน ลอฟตัส-ชีค รวมถึง คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ กองกลางดาวรุ่งที่โดดเด่นในการยืมตัวกับคริสตัล พาเลซ ในฤดูกาลที่แล้ว

แล้วเดอ ยอง มองเรื่องนี้อย่างไร?

Forbes ซึ่งเป็นสื่อระดับชั้นนำของโลก ที่รายงานความเคลื่อนไหวของเดอ ยอง มาโดยตลอด รายงานล่าสุดว่า กองกลางชาวดัตช์เปิดกว้างสำหรับโอกาสในการจะย้ายไปเล่นในทีมของ โธมัส ทูเคิล ไม่เพียงแต่เพราะจะมีโอกาสได้เล่นในแชมเปียนส์ลีก แต่ยังรวมถึงความประทับใจกับแผนการทำงานในระยะยาวด้วย

อย่างไรก็ดี รายงานข่าวอีกกระแสระบุว่า ความตั้งใจแรกของกองกลางรายนี้ยังเหมือนเดิมคือ การดื้อแพ่งเพื่ออยู่ในคัมป์นูต่อไปอีกฤดูกาล และพิสูจน์ตัวเองในสนาม ซึ่งหากเดอ ยอง ยังยืนยันจุดยืนเดิม โบห์ลีย์จะไม่มีการขยับตัวเพื่อยื่นข้อเสนอแข่งกับแมนฯ ยูไนเต็ด อย่างเด็ดขาด

ดูแนวโน้มแล้วการย้ายทีมของเดอ ยอง จึงน่าจะกินระยะเวลาอีกยาวนาน เพราะมีปมทั้งเรื่องเงินค่าจ้างที่ค้างคาของบาร์เซโลนา ไปจนถึงเรื่องความรู้สึกของเจ้าตัวเองที่ยังไม่ได้ออกมาพูดอะไรใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของตัวเอง เพื่อเปิดโอกาสตัวเองให้มากและกว้างที่สุด

จากวันนี้ไปจนถึงวันสุดท้ายของตลาดการซื้อ-ขาย ยังเหลือเวลาอีกราว 6 สัปดาห์ ทุกอย่างยังเกิดขึ้นได้เสมอ

จะเป็นบาร์เซโลนา, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี หรือทีมอื่น อาจไม่มีใครล่วงรู้ได้ทั้งนั้น แม้แต่ตัวของเดอ ยองเอง

อ้างอิง: