Freedom House องค์กรอิสระตรวจสอบเสรีภาพและประชาธิปไตยทั่วโลก เผยรายงาน Freedom on the Net 2019 ซึ่งสำรวจเสรีภาพการใช้อินเทอร์เน็ตจาก 65 ประเทศทั่วโลก พบว่า ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ไร้เสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต โดยได้คะแนนประเมินเพียง 35 จาก 100 คะแนน แบ่งเป็นคะแนนด้านอุปสรรคในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 16 คะแนน การจำกัดเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต 11 คะแนน และการละเมิดสิทธิ์ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต 8 คะแนน
ขณะที่จีนถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตน้อยที่สุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จากการปิดกั้นและควบคุมการเข้าถึงข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับการรำลึกครบ 30 ปี เหตุการณ์สังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน รวมถึงการประท้วงในฮ่องกงที่กำลังลุกลาม ส่วนประเทศที่มีการคุ้มครองเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดในโลกคือ ไอซ์แลนด์ ที่ไม่พบผู้ถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากการแสดงความเห็นผ่านทางออนไลน์
ข้อมูลใหม่จากรายงานฉบับนี้ยังชี้ว่า การใช้งานโซเชียลมีเดียทั่วโลกแทบไม่มีเสรีภาพอย่างที่คิด เนื่องจากผู้ใช้ทั่วโลกต่างถูกสอดส่องจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลและผู้ที่พยายามใช้ประโยชน์ของโซเชียลมีเดีย เพื่อชักจูงและโน้มน้าวการเลือกตั้ง โดยพบว่า 40 ประเทศ จาก 65 ประเทศ ที่ถูกสำรวจ มีการจัดตั้งโครงการเฝ้าระวังโซเชียลมีเดียขั้นสูง ซึ่งหมายความว่า ประชาชนในประเทศเหล่านี้รวมเกือบ 3 พันล้านคน หรือคิดเป็น 89% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก กำลังตกอยู่ภายใต้โครงการสอดส่องในโซเชียลมีเดีย
จากการสำรวจพบว่า 33 ประเทศ มีเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตลดลง หนึ่งในนี้คือ สหรัฐฯ ที่แม้จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต แต่ก็ได้คะแนนลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากการเพิ่มความเข้มงวดในการสอดส่องโซเชียลมีเดียของหน่วยงานภาครัฐ หนึ่งในนั้นคือ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) ที่ทำข้อตกลงกับ Cellebrite บริษัทความมั่นคงทางไซเบอร์ของอิสราเอล เพื่อจัดซื้อเครื่องมือช่วยจารกรรมข้อมูลจากโทรศัพท์และข้อมูลทางออนไลน์ทุกประเภท ขณะที่หลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ และบังกลาเทศ ต่างก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังสหรัฐฯ เพื่อเรียนรู้และพัฒนาหน่วยเฝ้าระวังทางโซเชียลมีเดียเช่นกัน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: