ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สองในอินเดีย แพทย์หลายรายระบุว่าพบผู้ป่วยที่กำลังพักฟื้นหรือเพิ่งหายจากโควิด-19 แล้วจำนวนหนึ่งติดเชื้อแบบที่เรียกกันว่า ‘มิวคอร์ไมโคซิส’ ซึ่งแม้จะเป็นการติดเชื้อที่พบได้ยากมาก แต่มีอัตราการตายสูงกว่าร้อยละ 50
‘มิวคอร์ไมโคซิส’ เกิดจากการได้รับเชื้อราสกุลมิวคอร์ ซึ่งโดยทั่วไปจะพบในดิน พืช ปุ๋ยคอก ตลอดจนผลไม้และผักที่เน่าเสีย นพ.อักษัย นาอีร์ ศัลยแพทย์ด้านดวงตาในเมืองมุมไบของอินเดีย ระบุกับสำนักข่าว BBC ว่า เชื้อนี้พบได้ทุกหนทุกแห่ง รวมทั้งดิน อากาศ หรือแม้แต่ในจมูกและน้ำมูกของผู้ที่มีสุขภาพดี
การติดเชื้อนี้จะกระทบต่อไซนัส สมอง และปอด รวมถึงอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างรุนแรง เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือผู้ติดเชื้อเอชไอวี / เอดส์ ทั้งนี้ แพทย์เชื่อว่ามิวคอร์ไมโคซิสอาจถูกกระตุ้นจากการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงและวิกฤต ทั้งนี้ สเตียรอยด์ช่วยลดการอักเสบในปอดจากโควิด-19 และดูเหมือนจะช่วยหยุดความเสียหายบางอย่างที่อาจเกิดขึ้น เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเริ่มทำงานอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อย่างไรก็ตาม สเตียรอยด์ยังลดภูมิคุ้มกันและเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งที่เป็นและไม่เป็นเบาหวาน ซึ่งคาดว่าภูมิคุ้มกันที่ลดลงอาจกระตุ้นให้เกิดการติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิสได้ ส่วนโรคเบาหวานก็ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลงเช่นกัน
นาอีร์ ผู้ซึ่งทำงานในโรงพยาบาล 3 แห่งในเมืองมุมไบ หนึ่งในเมืองที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากการระบาดระลอกสองของโควิด-19 ในอินเดียยังเผยว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเขาพบผู้ป่วยกว่า 40 รายที่ป่วยจากมิวคอร์ไมโคซิส หลายคนในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยเบาหวานที่หายจากโควิด-19 ที่บ้าน ในจำนวนนี้ 11 คนต้องเข้ารับการผ่าตัดนำดวงตาออก
BBC ยังรายงานถึงการที่เขาต้องใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงในการผ่าตัดนำดวงตาของผู้ป่วยหญิงวัย 25 ปีรายหนึ่งซึ่งเป็นเบาหวานออก เพื่อรักษาชีวิตของผู้ป่วยรายนี้ไว้ ผู้ป่วยรายนี้เพิ่งจะหายจากโควิด-19 เมื่อราว 3 สัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ ระหว่างเดือนธันวาคมและกุมภาพันธ์ มีเพื่อนร่วมงานของนาอีร์ 6 คนใน 5 เมือง ได้แก่ มุมไบ, บังกาลอร์, ไฮเดอราบัด, เดลี และปูเณ พบการติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิส 58 กรณี ผู้ป่วยส่วนใหญ่ติดเชื้อหลังหายจากโควิด-19 ไปแล้ว 12-15 วัน สถานการณ์ในโรงพยาบาลบางแห่งพบการติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิสในจำนวนกรณีที่มากขึ้นกว่าปกติ แพทย์หลายคนระบุว่า พวกเขาประหลาดใจจากความรุนแรงหรือความถี่ของการติดเชื้อดังกล่าวในการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สอง หากเทียบกับหลายๆ กรณีที่เกิดขึ้นในการระบาดระลอกแรกเมื่อปีที่แล้ว โดยนาอีร์ระบุว่าพบกับผู้ติดเชื้อไม่เกิน 10 รายในมุมไบตลอด 2 ปีที่ผ่านมา “ปีนี้เป็นอะไรที่ต่างออกไป” เขาระบุ
ส่วนในเมืองบังกาลอร์ นพ.รากุราช เฮดจ์ ศัลยแพทย์ด้านดวงตาอีกคนหนึ่ง ก็บอกว่าเขาพบผู้ป่วยมิวคอร์ไมโคซิส 19 รายใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยอายุน้อย เขาบอกว่าเขาเองไม่เคยพบผู้ป่วยมากกว่า 1 หรือ 2 รายต่อปีจากการทำงานมานานกว่าทศวรรษ
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อมักมีอาการคัดจมูก มีเลือดออกทางจมูก ตาบวม ปวดตา หนังตาตก การมองเห็นเลือนราง และในที่สุดก็สูญเสียการมองเห็น อาจมีผิวหนังรอบๆ จมูกเป็นหย่อมๆ สีดำ แพทย์หลายรายระบุว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังมาถึงโรงพยาบาลช้าเกินไป โดยมาถึงเมื่อพวกเขาสูญเสียการมองเห็นในตาทั้งสองข้างไปแล้ว และในบางกรณีที่พบได้ยาก แพทย์ต้องผ่าตัดเอากระดูกขากรรไกรออกเพื่อหยุดการแพร่กระจายของโรค ขณะที่การฉีดยาป้องกันเชื้อราทางหลอดเลือดดำซึ่งมีค่าใช้จ่าย 3,500 รูปี หรือราว 48 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และต้องได้รับทุกวันนานถึง 8 สัปดาห์ เป็นเพียงยาชนิดเดียวที่มีประสิทธิภาพในการต้านโรคนี้
ขณะที่ นพ.ราฮุล บาซี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการรักษาเบาหวานในเมืองมุมไบก็บอกว่า ทางหนึ่งที่จะช่วยระงับโอกาสของการติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิสคือ ต้องทำให้มั่นใจว่าผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับยาจำพวกสเตียรอยด์ในโดสและระยะเวลาที่เหมาะสมทั้งระหว่างการรักษาและหลังจากหายป่วยแล้ว และแพทย์ยังควรดูแลระดับน้ำตาลภายหลังจากผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาเผยว่าเขาได้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นเบาหวานกว่า 800 รายเมื่อปีที่แล้ว และไม่มีผู้ป่วยรายใดเลยที่ติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิส
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลอินเดียรายหนึ่งระบุว่า ยังไม่เกิด ‘การระบาดใหญ่’ ของโรคนี้ แม้จะยากที่จะอธิบายว่าเพราะเหตุใดจึงพบจำนวนผู้ติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิสเพิ่มขึ้นจากทั่วประเทศ
ภาพ: Sonu Mehta / Hindustan Times via Getty Images
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: