จริงอยู่ว่าร้านขนมปัง เบเกอรี ในกรุงเทพฯ นั้นหาได้ไม่ยาก แต่จะมีสักกี่ร้านที่ให้รายละเอียดในขั้นตอนการทำถึงขั้นที่เลี้ยงยีสต์เอง นวดแป้งเองด้วยสองมือ ทั้งยังทำสดใหม่ตั้งแต่เช้าตรู่ไม่มีทิ้งไว้ค้างคืน หรือแม้กระทั่งดอกไม้สด งานอาร์ตที่ตกแต่งในร้านก็เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของบรรยากาศรอบข้าง แน่นอนว่าร้านขนมปังที่ว่าจะเป็นที่ไหนไม่ได้ถ้าไม่ใช่ Forest Bake กระท่อมขนมปังหลังน้อยกลางเวียงเชียงใหม่ที่ขยายสาขามายังป่าคอนกรีตบนถนนสุขุมวิทใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมคอนเซปต์การทำขนมปังพาสทรีสไตล์ Artisan และกลิ่นอายความเป็น ‘Forest Wanderer’ ของคนรักป่า
The Vibe
เมื่อ 2 ปีก่อน Forest Bake สาขาเชียงใหม่เปิดตัวด้วยคอนเซปต์กระท่อมน้อยกลางเวียงที่นำแรงบันดาลใจจากป่าเขาในเมืองเชียงใหม่มาใส่ไว้ในร้านขนมปังที่ซ่อนตัวอยู่กลางเมือง โดยมีความลึกลับของสุนัขจิ้งจอกเป็นโลโก้ ครั้น ลิน-นลินนา ลี ศิลปิน สไตลิสต์ และผู้จุดประกายให้เกิด Forest Bake ตัดสินใจขยายสาขามายังกรุงเทพฯ เธอจึงขอนำคอนเซปต์ความเป็นป่ากลางเมืองมาบอกเล่าเรื่องราวร้านขนมปังของเธอ และนั่นทำให้เธอเลือกที่จะตั้งร้านอยู่ในตึกแถวเล็กๆ บนถนนสุขุมวิท ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ แต่ก็หาไม่ง่ายสักเท่าไร เพราะเป็นซอยเล็กในย่านที่พักอาศัยที่คนย่านสุขุมวิทอาจไม่เคยสังเกตด้วยซ้ำ
เหตุผลที่ลินเลือกตึกแถวที่ไม่มีใครสนใจ เพราะเธออยากให้ Forest Bake เป็นมุมหลบความวุ่นวายคล้ายการเข้ามารับความสดชื่นในผืนป่า และนั่นก็ทำให้บรรยากาศด้านใน Forest Bake ถูกแต่งแต้มไปด้วยดอกไม้สไตล์สวนป่าที่เปลี่ยนอารมณ์ความผ่อนคลายไปทุกอาทิตย์ โดยในร้านตกแต่งด้วยโทนอุ่นๆ สีน้ำตาล กลางร้านเป็นเคาน์เตอร์ยาวให้ลูกค้าถือถาดเลือกขนมด้วยตนเอง ส่วนที่นั่งมีเพียงเล็กน้อย เพราะทางร้านตั้งใจที่จะขายแบบซื้อกลับบ้านมากกว่าเปิดเป็นคาเฟ่
The Chef
หลายคนอาจพอคุ้นเคยกับ ลิน-นลินนา ลี ในฐานะสไตลิสต์ ศิลปินนักออกแบบที่มีส่วนผสมระหว่างวินเทจและธรรมชาติ แต่วันหนึ่งเมื่อเธอเปลี่ยนแนวทางการสื่อสารจากงาน DIY และแฟชั่น มาเป็นการหยิบจับพาสทรีสูตรคุณแม่ซึ่งเป็นลูกครึ่งสกอตแลนด์มาบอกเล่า ความไม่ธรรมดาจึงเกิดขึ้นในร้านขนมปังเล็กๆ ที่มีจุดยืนคือความเป็น Artisan ทำสดใหม่ทุกวัน ขายไม่หมดก็แจกจ่ายให้เพื่อนบ้าน มิหนำซ้ำยังเลี้ยงยีสต์เอง นวดแป้งเอง เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของคนทำไปสู่ใจของลูกค้า โดยขนมในร้านทั้งหมดยังคงเป็นสูตรจากคุณแม่ ซึ่งเลี้ยงยีสต์ทำขนมปังพาสทรีกินเองที่บ้านอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือเรื่องการใส่สไตล์ความสวยงามลงไปในขนม และการจัดบรรยากาศของร้าน หลายเมนูเกิดจากภาพจินตนาการของลิน โดยมีคุณแม่เป็นคนค่อยๆ ถอดภาพนั้นออกมาให้เป็นสูตรขนมที่ทั้งอร่อยและสวยงาม
“ที่ไม่เดินต่อไปด้านแฟชั่น เพราะไม่ชอบการแข่งขัน การแข่งขันทำให้เราไม่มั่นใจในตัวเอง เสียความเป็นตัวเองเพื่อที่จะแข่งกับคนอื่น ตอนนั้นมันทำให้ลินต้องเบรกด้านแฟชั่น กลับมาอยู่กับตัวเอง และตอนนั้นแหละที่ทำให้เรามองหาช่องทางอื่นที่จะคอนเน็กต์กับคนอื่นได้ๆ ที่ไม่ใช่เพียงแต่รันเวย์ ลินก็เลยกลับมามองในสิ่งที่เป็นชีวิตประจำวัน นั่นก็คือขนม การสื่อสารด้วยอาหารอย่างขนมปัง
“อาหาร พาสทรีเป็นสิ่งที่คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ลึกโดยไม่ต้องพูดมาก คนซื้อขนมเขาสามารถซึมซับตัวตนของเราได้จากขนมทุกชิ้นในร้าน ลินจึงเปลี่ยนมุมชีวิตมาใช้ขนมปังเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร และการที่เรานวดแป้งด้วยมือไม่ใช้เครื่อง เพราะมือแต่ละคนมีพลังงานความรู้สึก เวลาเรานวดแป้งความรู้สึกเราจะสามารถส่งไปถึงสิ่งที่เรากำลังทำ ส่งถึงคนที่เขาจะซื้อขนมปังเราได้ ระบบของที่นี่เป็นแบบบริการตัวเอง เวลาคนมาซื้อ เขาจะต้องถือถาดค่อยๆ เดินเลือกขนม ได้เห็นงานอาร์ตที่เปลี่ยนในแต่ละฤดู ได้เห็นดอกไม้ที่เราจัด นั่นคือการที่เขากำลังสื่อสารกับตัวตนของเราเช่นกัน”
The Pastry
แม้จะเป็นร้านขนมปังขนาดเล็ก แต่ขนมปังพาสทรีมีให้เลือกร่วม 30 ชนิดต่อวันโดยเมนูส่วนหนึ่งเป็นเมนูคลาสสิก ที่คุณลินบอกว่าเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วในครัวยุโรปอย่าง สโคน คานาเล ทาร์ตเบอร์รี ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือเมนูตามฤดูกาล ช่วงไหนผลไม้อะไรอร่อยก็ใช้ผลไม้ชนิดนั้นมาทำ
นอกจากนี้ยังมีเมนูซิกเนเจอร์เฉพาะกรุงเทพฯ อย่าง เค้กแครอต บั๊บก้า หรือขนมปังเกลียวลายหินอ่อน อีกหลายเมนูมีทั้งที่สาขากรุงเทพฯ และเชียงใหม่ แต่หน้าตาการจัดเสิร์ฟอาจจะแตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละพื้นที่
“ที่กรุงเทพฯ Forest Bake จะคอลแลปกับความเป็นเมือง ดังนั้นเราจึงต้องรู้ก่อนว่าไลฟ์สไตล์คนเมืองเป็นแบบไหน อย่างคีชที่กรุงเทพฯ จะปรับให้หน้าตาแบบพิซซ่า หยิบกินในรถได้ง่าย เพราะคนกรุงเทพฯ ใช้ชีวิตในรถเป็นส่วนใหญ่ ที่เชียงใหม่ขนมจะชิ้นใหญ่ๆ หน้าตาโฮมเมดมาก กินเลอะเทอะได้ แต่ที่กรุงเทพฯ จะมีความแฟชั่นกว่า เน้นขนาดพอดีคำ กินง่ายๆ ได้บนรถ”
อีกเมนูพิเศษที่มีเฉพาะวันพุธ ได้แก่ ขนมปังซาวโดว์ หมักไว้ 24 ชั่วโมง และเค้กวันเกิดที่ต้องสั่งล่วงหน้า 1 วัน และรับเพียงวันละ 2 ออร์เดอร์เท่านั้น และไม่ต้องห่วงว่ามาเปิดสาขาที่กรุงเทพฯ แล้วคุณภาพจะเปลี่ยนไป เพราะลินได้ส่งพนักงานสาขากรุงเทพฯ ทุกคนไปเทรนด์การทำพาสทรีกับคุณแม่ที่สาขาเชียงใหม่เป็นเวลา 1 ปีเต็มก่อนที่จะลงมาทำงานจริงที่กรุงเทพฯ
Forest Bake
Open: เปิดบริการทุกวันพุธถึงอาทิตย์ เวลา 10.00-18.30 น.
Address: 224/3 ซอยม้าศึก ถนนสุขุมวิท ซอยสุขุมวิท 22 กรุงเทพฯ
Budget: 60-200 บาท
Contact: 06 1397 7077
Page: www.facebook.com/forestbakebkk
Website: www.forestbake.com
Map: