×

กูรูเผย ต่างชาติแห่พักเงินในบอนด์ระยะสั้นเก็งกำไรค่าเงิน กดดันบาทแข็งกว่าสกุลเงินในภูมิภาค เตือนระวังความผันผวนหลังรู้ผลเลือกตั้ง

11.05.2023
  • LOADING...
เงินบาท กราฟหุ้น

กูรูชี้ แนวโน้ม Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ยหนุน Fund Flow ไหลเข้าไทย เผยต่างชาติแห่พักเงินในบอนด์ระยะสั้นหวังเก็งกำไรค่าเงิน จับตาบาทผันผวนหลังรู้ผลการเลือกตั้ง

 

รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทในช่วงนี้ยังคงมีแนวโน้มแข็งค่ากว่าสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค จากปัจจัยหนุนสำคัญคือ Fund Flow ต่างชาติที่ไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตร โดยพบว่า ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามีเงินมากถึง 25,000 ล้านบาทไหลเข้ามาภายในวันเดียว และส่วนใหญ่เป็นการพักเงินไว้ในบอนด์ระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรค่าเงิน

 

รุ่งระบุว่า 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้มีเงินไหลเข้ามาในตลาดไทยค่อนข้างมากในระยะนี้คือ การที่นักลงทุนมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) พ้นจากวงจรการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และโอกาสที่ดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จะขยับขึ้นเกิน 5.25% เป็นไปได้น้อย ซึ่งภาวะที่เกิดขึ้นได้สร้างแรงกดดันต่อเงินดอลลาร์ ส่วนอีกปัจจัยสำคัญคือ การเข้ามาเก็งผลเลือกตั้งของไทย ที่เกือบทุกพรรคการเมืองต่างนำเสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการบริโภคในประเทศ

 

“ต่างชาติมองว่า กิจกรรมเศรษฐกิจไทยจะคึกคักขึ้นหลังการเลือกตั้ง จากนโยบายต่างๆ ที่พรรคการเมืองหาเสียงไว้ แต่คงต้องดูด้วยว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะราบรื่นและมีเสถียรภาพหรือไม่ หากไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็มีแนวโน้มที่เงินบาทจะแข็งค่าต่อ โดยเรามองว่า จุดแข็งค่าที่สุดในไตรมาสนี้จะอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์” รุ่งกล่าว

 

อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัยและที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้เกิดจากการที่ตลาดเริ่มให้น้ำหนักมากขึ้นว่า Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ออกมาชะลอลง ก็ยิ่งตอกย้ำความเชื่อดังกล่าว ส่งผลให้เงินจำนวนมากเริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging รวมถึงไทย

 

อมรเทพกล่าวว่า การที่จีนเปิดประเทศและไทยได้ประโยชน์ในแง่การท่องเที่ยวถือเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่า ส่วนปัจจัยการเลือกตั้งมองว่ายังไม่ได้มีน้ำหนักมากในเวลานี้ เพราะโดยปกติในช่วงก่อนรู้ผลเลือกตั้งต่างชาติมักจะ Wait and See ไม่เสี่ยงก่อนจะมีความชัดเจน

 

“เงินที่ไหลเข้ามาส่วนใหญ่อยู่ในพันธบัตรระยะสั้น เหมือนเข้ามาเก็งกำไรค่าเงิน ยังไม่เข้าตลาดหุ้น ต่างชาติน่าจะดูความชัดเจนของผลเลือกตั้งก่อน เพราะรอบนี้มีตัวแปรที่ต่างจากรอบอื่นคือ เสียงของ ส.ว. 250 คน หาก ส.ว. โหวตตามเสียงของประชาชน การตั้งรัฐบาลเรียบร้อยดี เงินจะไหลเข้ามาในไทยมากขึ้นและจะเข้ามาในตลาดหุ้นด้วย เพราะพื้นฐานเรายังดีและน่าสนใจ ทำให้เงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าได้อีก” อมรเทพกล่าว

 

อย่างไรก็ตามอมรเทพมองว่า ในระยะสั้นเงินบาทจะไม่สามารถแข็งค่าไปได้ไกลนัก เพราะในไตรมาส 2 นี้เป็นช่วงจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน ทำให้จะมีเงินส่วนหนึ่งที่ไหลออกเช่นกัน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็เริ่มเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน โดยประเมินว่าเงินบาทในช่วงปลายปีจะอยู่ที่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์

 

“อยากฝากนักลงทุนและผู้ประกอบการให้ระวังความผันผวนของค่าเงินกันด้วย เพราะบรรยากาศตอนนี้เริ่มกลับมาคล้ายๆ กับช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้วที่มองกันว่า Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ย แต่สุดท้ายก็ไม่หยุด ซึ่งความเสี่ยงตรงนี้ยังมีอยู่ Fed อาจยังไม่ปิดประตูขึ้นดอกเบี้ย 

 

“เรื่องผลการเลือกตั้งก็มีโอกาสทำให้เกิดความผันผวนได้เช่นกัน หากย้อนกลับไปดูในช่วงปี 2554 ตอนที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์รวมเสียงข้างมากได้ เงินบาทก็แข็งค่าขึ้นมาถึง 1% ในวันเดียว” อมรเทพกล่าว

 

ทั้งนี้ ค่าเงินบาทในช่วงเช้าที่ผ่านมาเปิดที่ระดับ 33.62 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ ทำสถิติแข็งค่าสูงสุดในรอบ 3 เดือน ก่อนที่ระหว่างวันจะอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์

 

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับ Flow ขายทำกำไรทองคำช่วยหนุนให้เงินบาทในวันนี้ปรับแข็งค่าขึ้น จนทดสอบแนวรับในกรอบสัปดาห์แถว 33.50 บาทต่อดอลลาร์ที่ธนาคารประเมินไว้ก่อนหน้า ก่อนที่เงินบาทจะอ่อนค่าลงเล็กน้อย ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และการย่อตัวลงของราคาทองคำ 

 

อย่างไรก็ดี ประเมินว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจเผชิญแนวรับสำคัญแถว 33.50 บาทต่อดอลลาร์ และอาจยังไม่สามารถแข็งค่าทะลุต่ำกว่าระดับได้ง่ายนักจนกว่าจะได้ปัจจัยหนุนจาก Fund Flow นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนต่างชาติต่างรอผลการเลือกตั้ง 

 

โดยการกลับมาขายสุทธิหุ้นไทย 2 วันที่ผ่านมา ได้สะท้อนมุมมองดังกล่าว และยังสอดคล้องกับผลการศึกษา Fund Flow ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 5 ครั้งล่าสุดที่พบว่า นักลงทุนต่างชาติจะระมัดระวังตัวมากขึ้น และอาจปรับลดความเสี่ยงพอร์ตลงบ้างก่อนจะรับรู้ผลการเลือกตั้ง

 

นอกจากนี้ยังคงเห็นแรงซื้อเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้นำเข้าในช่วงโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้เงินบาทอาจทรงตัวเหนือโซนแนวรับดังกล่าวได้บ้าง อีกทั้งแรงขายทำกำไรสถานะ Long THB ของผู้เล่นในตลาด และ Flow ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติก็ยังคงมีอยู่ 

 

อนึ่ง ปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทอาจมาจากความกังวลปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ซึ่งมักจะกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้ประเมินว่า แนวต้านสำคัญของเงินบาทในระยะสั้นจะอยู่ในช่วง 34.00 บาทต่อดอลลาร์


บทความที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising