×

Food Delivery โตต่อได้แค่ไหน หลังแอปจากยานแม่ SCBX ยังต้องยกธงขาว ปิดตัว Robinhood แบบที่คนไม่ทันตั้งตัว

27.06.2024
  • LOADING...
Food Delivery

ข่าวฟ้าผ่าวงการเดลิเวอรี เมื่อ Robinhood แอปพลิเคชันจากยานแม่ SCBX ประกาศแผนที่จะยุติการให้บริการแพลตฟอร์มในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 20.00 น. การตัดสินใจครั้งนี้ของ SCBX ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยเหลือตัวเลือกในตลาดน้อยลง ซึ่งตามมาด้วยคำถามที่น่าสนใจว่า ธุรกิจ Food Deliveryในไทยยังจะโตต่อได้มากแค่ไหน และจะโตต่อด้วยปัจจัยอะไร?

 

ผู้ที่ตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดย่อมหนีไม่พ้น ‘ยอด ชินสุภัคกุล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai ซึ่งจะกลายเป็นบริษัทผู้ทำแอป Food Deliveryสัญชาติไทยเพียงรายเดียวที่จะหลงเหลืออยู่ในตลาดเมื่อช่วงเวลาสุดท้ายของ Robinhood มาถึง

 

แม้ว่าการยกธงขาวของ Robinhood จะส่งผลต่อความรู้สึกของผู้คนในมุมของความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรม Food Delivery แต่ยอดมองว่าภาพรวมตลาดปัจจุบันโดยเฉพาะในส่วนของ Food Deliveryนั้นมีทิศทางการเติบโต 6 เดือนแรกได้ดีในปีนี้ เนื่องจากกำลังซื้อฝั่งผู้บริโภคออนไลน์ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่ากำลังซื้อโดยรวมของประเทศ

 

ซึ่งตอนนี้ส่วนแบ่งของ Food Deliveryคิดเป็นประมาณ 10% ของมูลค่าธุรกิจอาหารในประเทศไทยเท่านั้น หรือหากคิดเป็นตัวเลขอยู่ที่ราว 8 หมื่นกว่าล้านบาท ถือว่ายังตามหลังประเทศพัฒนาแล้วอย่างเกาหลีใต้หรือจีนที่มีส่วนแบ่งประมาณ 20% ฉะนั้นประเทศไทยยังมีช่องว่างให้เติบโตอีก

 

Food Delivery

 

“ตลาด Food Delivery โดยรวมปีนี้น่าจะโตได้เกือบแตะเลขสองหลัก และเรากำลังพยายามคุยกับภาครัฐให้โครงการ Digital Wallet สามารถใช้ร่วมกับบริการ Food Deliveryได้ เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยเรื่องการเติบโตของอุตสาหกรรม แต่จะยังเป็นตัวช่วยร้านอาหารอีกนับแสนรายที่ไม่มีหน้าร้าน และพึ่งพาช่องทาง Food Deliveryเพียงช่องทางเดียวให้มีรายได้เพิ่มขึ้น” ยอดกล่าวเสริม

 

สำหรับในมุมของการแข่งขัน LINE MAN รวมถึงแพลตฟอร์มอื่นอาจได้รับประโยชน์ทางการแข่งขันที่จะลดน้อยลงจากการหายไปของ Robinhood แต่ยอดยืนยันว่าจะเป็นการลดลงที่น้อยมาก เนื่องจากร้านอาหารหลายรายก็ร่วมงานกับหลายผู้ให้บริการ ทำให้สมรภูมิการแข่งขันในตลาดจะยังเข้มข้นเหมือนเดิมระหว่างคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดประมาณ 4-5 ราย

 

จริงๆ แล้วที่ผ่านมายักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม Food Deliveryต่างมองว่า ตลาดนั้นจะไม่ได้โตหวือหวาเหมือนกับช่วงโควิดเพราะสถานการณ์กลับมาเหมือนก่อนแล้ว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนโควิดคือพฤติกรรมผู้บริโภคที่จะใช้บริการ Food Deliveryคู่กับการออกไปกินข้าวนอกบ้าน

 

จุดนี้เองทำให้ Food Delivery จะยังเติบโตได้อยู่ แต่จะไม่ได้เยอะมากนัก ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนออกมาจากผลงานช่วง 6 เดือนแรกของปี (ยอดยืนยันว่า LINE MAN ยังเติบโตมากกว่าตลาด) ที่เรียกว่าไม่ได้ผิดจากความคาดหมายมากนัก

 

ณ ตอนนี้อุตสาหกรรม Food Delivery อยู่ในช่วงท้ายของการทุ่มเงินเพื่อสร้างฐานลูกค้า หรือที่มักจะเรียกกันว่า ‘การเผาเงิน’ มาโฟกัสในการทำให้ธุรกิจของตัวเองยั่งยืนผ่านการทำธุรกิจให้แข็งแรง เพื่อสร้าง ‘กำไร’ ที่จะกลายเป็นสายป่านให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้

 

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าท้ายที่สุดเมื่อตลาดเติบโตไปถึงจุดที่ Food Delivery กลายเป็นบรรทัดฐานการใช้ชีวิตของลูกค้า ผู้ที่จะขับเคลื่อนและสามารถเติบโตต่อได้ในตลาดนี้อาจเหลือเพียง 2 หรือ 3 รายเท่านั้น หมายความว่าในบริบทของประเทศไทยยังมีความเป็นไปได้ว่าผู้เล่น Food Deliveryจะหายไปได้อีก โดยกรณีล่าสุดก็คือ Robinhood ของ SCBX นั่นเอง

 

Robinhood เป็นหนึ่งในโปรเจกต์เพื่อสังคมที่ถูกริเริ่มขึ้นโดย SCBX เพื่อช่วยบรรเทาความยากลำบากในช่วงวิกฤตโควิดที่กระทบกับการใช้ชีวิตของหลายคน ทั้งช่วยสร้างงานให้กับไรเดอร์ เปิดช่องทางรับออร์เดอร์ให้กับร้านอาหาร และให้ตัวเลือกกับลูกค้า

 

 

หนึ่งในจุดเด่นที่ผู้ประกอบการชื่นชอบคือการไม่เรียกเก็บ ‘ค่า GP’ (Gross Profit) หรือค่าคอมมิชชันที่ร้านต้องแบ่งให้กับแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ ซึ่งต่างจากเจ้าอื่นๆ ที่ปกติเรียกเก็บในอัตรา 20-30% ทำให้ร้านอาหารที่ใช้งาน Robinhood ได้เงินเต็มจำนวนทุกบาททุกสตางค์

 

แต่การให้ผลประโยชน์นี้แก่ร้านอาหารก็มีทั้งผลดีและผลเสีย เพราะแม้ว่าร้านอาหารจะชื่นชอบ แต่ยิ่งมีผู้ใช้งานเยอะขึ้นแพลตฟอร์มก็จำเป็นต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น จนทำให้มูลค่าขาดทุนสะสม 3 ปีย้อนหลังรวมกันกว่า 5,476 ล้านบาท

 

หาก Robinhood ยังสามารถสร้างกำไรได้ และสถานการณ์ทางการเงินไม่ได้อยู่ในสภาวะกดดันเหมือนกับที่เป็นมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไม่แน่ว่าโปรเจกต์ที่เป้าหมาย ‘เพื่อสังคม’ ของ SCBX อาจยังอยู่คู่คนไทยต่อไป และเราคงไม่ต้องเห็นข่าวช็อกวงการเดลิเวอรีที่จุดประเด็นความเชื่อมั่นในธุรกิจประเภทนี้

 

ส่วนสุดท้ายคือคำถามที่ว่า ในระยะยาวธุรกิจ Food Deliveryจะโตต่อได้จากอะไร?

 

ยอดชวนมองเปรียบเทียบธุรกิจ Food Delivery กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซว่า พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปแล้ว แม้ว่าโควิดจะหมดไปแต่คนก็ยังช้อปปิ้งออนไลน์อยู่ และเป็นเช่นเดียวกับการสั่งอาหารด้วยแอป Food Deliveryเนื่องจากความสะดวกสบายกับตัวเลือกที่มากกว่าในอดีต ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยพื้นฐานของการเติบโตในธุรกิจประเภทนี้ต่อไป

 

สำหรับ Food Deliveryเป้าหมายคือการพลิกตัวเลข ‘ขาดทุน’ ให้กลับมาทำกำไรได้ ซึ่งยอดเองก็หวังว่า LINE MAN จะพลิกตัวเองให้มี ‘กำไร’ อย่างเร็วสุดคือปีนี้ หรือช้าที่สุดเป็นต้นปีหน้า

 

หากมองเข้าไปยังผลประกอบการปีล่าสุดจะเห็นได้ว่า LINE MAN สามารถลดตัวเลขขาดทุนหลักพันล้านให้เหลือแค่ 200 กว่าล้านบาท จากรายได้ที่แตะระดับหมื่นล้านบาท ดังนั้นความต้องการของยอดจึงไม่ได้เป็นฝันที่ยาวนานมากนัก

 

นอกจากนี้ยอดยังเดินหน้าที่จะนำ LINE MAN ติดนามสกุลมหาชนภายในต้นปี 2568 ซึ่งหากวันนั้นถึงการ IPO คงทำให้ผู้คนในตลาดหุ้นตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้ต้องมาลุ้นว่าจะเกิดขึ้นในไทยหรืออเมริกาเท่านั้นเอง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising