×

ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ VS คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ เราจะได้เห็นอะไรถ้านักสู้ไร้พ่ายมาดวลกัน

19.10.2018
  • LOADING...

นับว่าเป็นข่าวใหญ่ที่ฮือฮาพอสมควรสำหรับแวดวงหมัดมวย ที่ล่าสุด คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ นักสู้ศิลปะการต่อสู้แบบผสม แชมป์โลกรุ่นไลต์เวตของ UFC ได้ออกมาท้าทายยอดนักชกไร้พ่ายอย่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ว่าให้ออกมาสู้กันในฐานะที่เป็นสองคนที่ยังไม่แพ้ใคร แต่ในป่าผืนนี้มีราชาได้แค่คนเดียว  

 

ซึ่งทันทีที่นักชกชาวอเมริกันได้รับสารท้าสู้ดังกล่าวก็มีทีท่าจะออกมาบอกอย่างเป็นนัยๆ ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าจะรับคำท้านี้เหมือนกัน

 

ถ้ามองหาความแปลกใหม่จากกรณีนี้ก็ต้องบอกตามตรงว่าไม่ได้แปลกแต่อย่างใด เพราะเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วระหว่างฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ และคอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ โดยทั้งสองเปิดศึกใส่กันผ่านโลกออนไลน์ไปมา และได้เจอกันในที่สุด ซึ่งผลสรุปจบลงที่ไฟต์ดังกล่าว ฟลอยด์ที่เป็นนักชกมวยสากลโดยกำเนิดเป็นฝ่ายเอาชนะน็อกนักสู้ชาวไอริชไปได้ในยกที่ 10 พร้อมค่าตัวที่ตามมาอีกจำนวนมหาศาล

 

 

โดยหากไฟต์ระหว่างฟลอยด์และคาบิบเกิดขึ้นจริง จะทำให้มี 3 ประเด็นหลักๆ ที่น่าสนใจและถูกพูดถึงอย่างแน่นอน

 

ศึกแห่งศักดิ์ศรี-นักสู้ไร้พ่าย!

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้แฟนมวยทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นมวยสากลหรือแฟนคลับของศิลปะการต่อสู้แบบผสมอยากเห็นก็คือการสู้กันของสองสุดยอดนักสู้ระหว่าง ‘นักชกไร้พ่าย’ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เจ้าของสถิติ 50-0-0 ดวลกับ ‘นักสู้ไร้พ่ายชาวรัสเซีย’ คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ สถิติ 27-0-0 ซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เพราะนอกจากเราจะได้เห็นทั้งคู่ห้ำหั่นกันแล้ว หลังสิ้นเสียงระฆังจบไฟต์ เราจะได้เห็นคนใดคนหนึ่งต้องคอตกน้อมรับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกอย่างแน่นอน

 

 

ว่าที่ชัยชนะของ The Money เจ้าแห่งมวยสากล

สำหรับการสู้กันครั้งนี้จะเป็นการชกกันแบบมวยสากลร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะล่าสุดฟลอยด์ได้ให้สัมภาษณ์กับ TMZ Sports ว่าถ้าอยากสู้กันก็ให้เข้ามาสู้ในโลกที่เขาอยู่ แน่นอนว่าต้องเป็นมวยสากลอยู่แล้ว เว้นแต่ว่าเจ้าตัวจะเผลอไปกินยากล้าหาญจนกลับลำแล้วออกจากกรอบตัวเองไปสู้ในรูปแบบของ MMA ที่ต้องบอกว่าคาบิบถนัดอยู่แล้ว

 

ซึ่งหากเป็นการชกแบบมวยสากล ฟลอยด์ได้เปรียบในทุกๆ ด้าน เพราะคู่แข่งอย่างคาบิบดันเป็นนักสู้ที่ถนัดการสู้แบบยิวยิตสู หรือการสู้แบบภาคพื้นดินเสียมากกว่า เพราะขนาดชายที่ได้ชื่อว่ามีหมัดซ้ายอันทรงพลังอย่างแม็กเกรเกอร์ที่เคยน็อกนักสู้ที่มีชื่อเสียงบนเวที 6 เหลี่ยมของ UFC มาแล้วหลายราย ไม่ว่าจะเป็น แชด เมนเดส, เอ็ดดี้ อัลวาเรซ หรือแม้แต่อดีตแชมป์ในรุ่นเฟเธอร์เวตขาโหดยุคนั้นที่ไม่เคยแพ้ใครตลอดการป้องแชมป์อย่าง โฆเซ อัลโด ยังต้องเสียแชมป์ด้วยการถูกซ้ายสั่งตายของแม็กเกรเกอร์ตะบันเข้าเต็มหน้าไปในเวลาแค่ 13 วินาทีของยกแรกเท่านั้นก็ยังพ่ายแพ้บนเวทีมวยสากลมาแล้ว

 

 

พอลองหันมาดูรูปมวยของคาบิบก็บอกได้เลยว่าสู้ยาก เพราะการเจอกันระหว่างคาบิบและแม็กเกรเกอร์ในศึก UFC ครั้งที่ 229 ที่ผ่านมาที่คาบิบได้เปรียบในหลายๆ ยก นั่นเป็นเพราะสไตล์การต่อสู้ที่จ้องจะรวบคู่ต่อสู้ลงกับพื้น หรือที่เรียกว่าการ Takedown ที่เขาทำได้ดีกับแม็กเกรเกอร์มาโดยตลอด ทว่าช่วงยกที่ 3 ที่ดูเหมือนว่านักสู้ชาวรัสเซียคนนี้อยากลองใช้วิธียืนสู้บ้าง แต่นั่นไม่เป็นผลดีกับเขาแต่อย่างใด เพราะในหลายๆ จังหวะก็หวิดโดนหมัดของแม็กเกรเกอร์สวนเข้าหน้าอยู่หลายหนจนต้องกลับไปสู้แบบที่ถนัด ก่อนจะปิดไฟต์ด้วยท่า Rear Naked Choke ไปได้ในยกที่ 4 ขณะที่ไฟต์กับฟลอยด์ ถ้ายังเห็นคาบิบสู้ในรูปแบบมวยสากลต่อไป เราอาจได้เห็นเจ้าตัวมีสภาพที่ไม่ต่างกับแม็กเกรเกอร์ก่อนหน้านี้เป็นแน่แท้

 

 

Best of Business เพราะนี่คือเรื่องของธุรกิจ

อีกหนึ่งอย่างที่เราจะได้เห็นนอกเหนือจากการที่ทั้งสองฝ่ายเตรียมทำสงครามน้ำลายใส่กันคือเรื่องของเม็ดเงินที่อาจจะถาโถมเข้ามาใส่นักมวยทั้งคู่อย่างเป็นกอบเป็นกำ

 

ยกตัวอย่างรายได้ของศึกระหว่างฟลอยด์และแม็กเกรเกอร์ที่ทำเงินไปได้ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 19,500 ล้านบาท แค่เห็นตัวเลขนี้ก็บอกได้เลยว่านอกจากคนดูที่จะคุ้มค่ากับการรับชมว่าที่แมตช์ไร้พ่ายนี้ ตัวของนักกีฬาเองก็คงอยากให้มันเกิดขึ้นเช่นกัน

 

แถมล่าสุดทางด้านฟลอยด์ก็ออกมาพูดเองว่า ถ้าได้สู้กับคาบิบ เขาจะได้รับค่าตัวมากถึง 9 หลัก และอาจมากกว่าที่เคยทำไว้ตอนเจอกับแม็กเกรเกอร์ราวๆ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนทางคาบิบก็มีโอกาสจะได้รับประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐเทียบเท่ากับที่แม็กเกรเกอร์เคยได้ไปก่อนหน้านี้ หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้น ซึ่งสามารถสรุปได้เลยว่าไฟต์นี้จะเป็นเรื่องของธุรกิจที่ไม่ต่างจากศึกของฟลอยด์และแม็กเกรเกอร์

 

 

แม้ตอนนี้จะยังไม่มีการคอนเฟิร์มออกมาอย่างเป็นทางการสำหรับศึกระหว่างคาบิบและฟลอยด์ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีกระแสของการจะกลับมาเปิดศึกอีกครั้งของฟลอยด์และแมนนี ปาเกียว ในปลายปีนี้หนักมาก โดยเป็นตัวของฟลอยด์ที่ได้ออกมาเผยเองผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว

 

 

รวมถึงฝั่งของคาบิบเองที่ล่าสุดเหมือนจะยังไม่อยากสร้างภาคต่อกับแม็กเกรเกอร์ในช่วงนี้สักเท่าไร แถมหลังจากจบไฟต์ที่เจ้าตัวสามารถป้องกันแชมป์ได้ก็ดันไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับโค้ชฝั่งแม็กเกรเกอร์ถึงขั้นกระโดดออกจากกรงไปใส่ทีมงานของแม็กเกรเกอร์จนชุลมุนไปหมด นั่นก็ทำให้ไม่รู้ว่าจะรอดจากการลงดาบของคณะกรรมาธิการกีฬารัฐเนวาดา (NAC) ที่เตรียมเรียกมาให้ปากคำถึงกรณีดังกล่าวในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะมีคำตัดสินออกมาในช่วงปีหน้า


อย่างไรก็ตาม การออกมาท้าทายครั้งนี้ของคาบิบอาจเป็นการโยนหินถามทางเพื่อเช็กเรตติ้งก็ได้ว่า ถ้าสิ่งนี้จะเกิดกับตัวเองบ้างหลังจากที่เกิดขึ้นกับแม็กเกรเกอร์มาแล้ว กระแสหรือสิ่งต่างๆ จะมีผลตอบรับอย่างไร ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงกับคาบิบและฟลอยด์ก็เตรียมโกยผลประโยชน์มหาศาลได้เลย แต่ถ้าไม่ ทั้งสองก็อาจจะมีเหตุผลที่จะบอกว่า… นี่คือการหยอกล้อกันเท่านั้นเอง

 

ภาพ: dexerto.com / UFC.com / Christian Petersen / Chris Carlson/AP

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising