วานนี้ (26 ธันวาคม) ภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 เพิ่มเติม เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 และมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับงบประมาณและดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ซึ่ง ปภ. ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับจังหวัดที่ประสบภัยในการเร่งดำเนินการให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด โดยข้อมูลล่าสุดวันที่ 26 ธันวาคม เวลา 16.30 น. ธนาคารออมสินโอนเงินเข้าบัญชีผู้ประสบภัยรอบที่ 2 สำเร็จแล้วจำนวน 25,304 ครัวเรือน เป็นเงิน 227,736,000 บาท ซึ่งเป็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและบุรีรัมย์
โดยสรุปภาพรวมการจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ปภ. ส่งข้อมูลผู้ประสบภัยให้ธนาคารออมสินแล้ว รวม 169,052 ครัวเรือน และธนาคารออมสินโอนเงินเข้าบัญชีผู้ประสบภัยสำเร็จแล้วจำนวน 2 รอบ (เมื่อวันที่ 25 และ 26 ธันวาคม ) รวม 3 จังหวัด 6 อำเภอ โดยคาดว่าจะทำการโอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยรอบที่ 3 ของจังหวัดปัตตานี,สงขลา, นราธิวาส และพัทลุง จะได้รับในวันนี้ (27 ธันวาคม)
ภาสกรกล่าวต่อว่า 16 จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 เพิ่มเติม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 เร่งดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้ลงทะเบียนที่ยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือฯ ให้เป็นไปตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ที่กำหนด และให้จังหวัดประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ ไม่ให้มีการลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือซ้ำซ้อน
โดยผู้ที่จะได้รับเงินช่วยเหลือฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย โดยต้องเข้าเงื่อนไขที่ ครม. กำหนด คือประชาชนในพื้นที่จังหวัดชัยนาท, บุรีรัมย์, สมุทรสาคร และสิงห์บุรี จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในห้วงวันที่ 20 พฤษภาคม – 2 พฤศจิกายน 2567
และประชาชนในพื้นที่ 12 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, ประจวบคีรีขันธ์, ตรัง, พัทลุง, ยะลา, สงขลา, สตูล และสุราษฎร์ธานี จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในห้วงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไปเท่านั้น และได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 2 กรณี
กรณีแรกคือ ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินเสียหาย และกรณีที่สอง ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมเกิน 7 วัน ในกรณีที่ถูกน้ำท่วมหลายครั้งจะได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียว
ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนตรวจสอบการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชนให้เรียบร้อย หากยังไม่ได้ผูกบัญชีขอให้ติดต่อธนาคารเพื่อดำเนินการผูกบัญชีโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดความขัดข้องในการโอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้ประสบภัยจะได้รับเงินช่วยเหลือโดยเร็ว
อ้างอิง:
- เฟซบุ๊ก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM
