×

First Online Music Festival: Top Hits Thailand หมุดหมายใหม่ของการเสพดนตรี ภายใต้โลกที่กำลังก้าวเข้าสู่วิถีแห่ง New Normal

09.06.2020
  • LOADING...

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของสองผู้บริหารค่าย What The Duck อย่าง มอย-สามขวัญ ตันสมพงษ์, บอล-ต่อพงศ์ จันทบุบผา และ พล หุยประเสริฐ นักออกแบบคอนเสิร์ตเจ้าของบริษัท H.U.I. หลังจบงาน Whal & Dolph Online Market Concert ที่อยากให้แฟนเพลงได้กลับมาเสพบรรยากาศของดนตรีสดอีกครั้ง หลังจากที่วิกฤตโควิด-19 เข้ามาแยกเหล่าคนคอดนตรีและศิลปินที่พวกเขารักออกจากกัน

 

และในตอนนี้ ไอเดียสุดท้าทายที่ไม่มีใครจินตนาการถึงของพวกเขา ก็ได้ถูกพัฒนาจนกลายเป็น First Online Music Festival: Top Hits Thailand ออนไลน์มิวสิกเฟสติวัลเต็มรูปแบบครั้งแรกของประเทศไทย ที่รวบรวมศิลปินระดับแถวหน้าถึง 10 วงมาเสิร์ฟความสุขให้กับแฟนเพลงถึงบ้านตลอด 10 ชั่วโมงเต็ม ในวันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา 

 

เริ่มต้นกันด้วยวง Mirrr ที่มาพร้อมกับงานวิชวลสุดอลังการต้อนรับแฟนๆ ที่เฝ้ารออยู่บนหน้าจอขนาดยักษ์ เปิดตัวด้วยเพลงสุดฮิตอย่าง นิโคติน มาเล่นให้ทุกคนหายคิดถึง เพิ่มความคึกคักด้วยการให้ผู้ชมร่วมร้องและโบกแฟลชโทรศัพท์ไปพร้อมกัน 

 

ต่อกันด้วยนักร้องหนุ่มอย่าง GUNGUN ที่มาโชว์เพลงขวัญใจมหาชน วาฬเกยตื้น แบบสดๆ เป็นครั้งแรก พร้อมด้วยกราฟิก 3D ของวาฬตัวใหญ่ยักษ์ที่มาเกยตื้นอยู่ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ก่อนที่ทุกคนจะออกเดินทางไปท่องอวกาศร่วมกับ Safeplanet บนยาวอวกาศที่จัดเต็มด้วยแสงสีสุดอลังการในเพลง พริบตา 

 

 

ก่อนที่ยานอวกาศนั้นจะพาเรามาสู่ทุ่งดอกไม้ที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมและเสียงอันไพเราะของ BOWKYLION ในเพลง ลงใจ ที่แฟนเพลงได้ร่วมกันร้องเพลงนี้ไปพร้อมกับเธอ ก่อนที่แฟนๆ จะเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เธอด้วยคลิปวิดีโอน่ารักๆ เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ของงานที่ทำให้เราได้เห็นถึงความรักที่พวกเขาและเธอพยายามมอบให้กันภายใต้ช่วงเวลาที่แสนยากลำบากในตอนนี้

 

มาถึงคิวของ 3 หนุ่ม Tilly Birds ที่มาส่งความคิดถึงให้กับแฟนๆ ด้วยเพลง คิด(แต่ไม่)ถึง ก่อนที่จะส่งต่อให้กับเพื่อนร่วมค่ายอย่าง Three Man Down ที่เข้ามาทำให้คอนเสิร์ตในครั้งนี้ชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝนในเพลง ฝนตกไหม และปิดท้ายด้วยโชว์สุดพิเศษของ Tilly Birds และ Three Man Down ในเพลง ความคิดถึงที่ฉันได้เคยส่งไปในคืนที่ฝนโปรยลงมา 

 

 

หลังจากที่เราได้เสพความเหงาที่มาพร้อมกับหยาดฝน ก็มาถึงคิวของ Jaylerr x Paris ที่เปิดตัวมาพร้อมกับกราฟิก 3D สุดยิ่งใหญ่ เพื่อมาสร้างรอยยิ้มให้กับแฟนๆ ในเพลง ดี๊ดี และ รักติดไซเรน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพาร์ตของคอนเสิร์ตที่เราประทับใจมากๆ ที่ได้เห็นภาพของแฟนคลับต่างลุกขึ้นยืนเต้น และร้องไปพร้อมกับสองหนุ่มอย่างสนุกสนาน

 

 

 

ต่อด้วยเสียงของนักร้องสาวที่ทำให้โลกนี้สดใส อิ้งค์ วรันธร ที่มาพร้อมกับคีย์บอร์ดคู่ใจในเพลงสุดฮิต ดีใจด้วยนะ และ เหงา เหงา บทเพลงแห่งกำลังใจที่ส่งมอบให้กับแฟนๆ ให้ผ่านเรื่องเลวร้ายในครั้งนี้ไปด้วยกัน

 

เพิ่มดีกรีความเซอร์ไพรส์ด้วยศิลปินที่อยู่เหนือทุกการคาดเดาอย่าง The TOYS ที่ยังคงคอนเซปต์ ‘ธรรมดา ไม่ใช่ทอย’ ตั้งแต่ฉากเปิดตัวที่หลอกคนดูว่าเขาไลฟ์สดอยู่ที่บ้านได้อย่างอยู่หมัด ก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาเพื่อพาแฟนๆ ล่องลอยไปกับเขาในเพลง ลาลาลอย (100%) และดูเหมือนว่าทอยจะนัดแนะกับฟ้าฝนเอาไว้ล่วงหน้า เมื่อบทเพลง ก่อนฤดูฝน เริ่มขึ้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ฝนกำลังตกลงที่ ‘หน้าบ้าน’ ของเราพอดิบพอดี ถือเป็นบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมเกินคำบรรยายจริงๆ 

 

ซึ่งเราก็คงไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาวว่าพ่อหนุ่มสุดแนวคนนี้เขาร่ำลาคอนเสิร์ตของตัวเองอย่างไร…‘ธรรมดา ไม่ใช่ทอย’

 

และในที่สุดก็ถึงคิวของศิลปินรับเชิญสุดพิเศษที่ใครหลายคนเฝ้ารออย่าง Oh Wonder ศิลปินดูโอ้จากเกาะอังกฤษที่มามอบความสุขให้กับผู้ชมในเพลง Happy พร้อมกับคำมั่นสัญญาว่าพวกเขาจะกลับมามอบความสุขให้กับแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้งอย่างแน่นอน 

 

ก่อนที่จะปิดท้ายออนไลน์มิวสิกเฟสติวัลกันด้วยพี่ใหญ่อย่าง Scrubb ที่ขนเพลงยอดฮิตมาให้แฟนๆ ได้ฟังแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะเพลง เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ ที่ทางทีมงานได้เปิดให้แฟนเพลงสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอปพลิเคชัน Top Hits Music Fest เพื่อพาทุกคนเข้าสู่โลก AR ที่เต็มไปด้วยกราฟิกน่ารักๆ และเพิ่มสีสันให้โชว์ เรียกได้ว่าบัตรราคา 499 บาทที่ทุกคนจ่ายในครั้งนี้ ‘คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม’ 

 

สิ่งที่เราได้รับตลอดระยะเวลา 10 ชั่วโมงเต็ม คือความรู้สึกที่ว่าการนั่งชมคอนเสิร์ตทางไกลในงาน First Online Music Festival: Top Hits Thailand นั้นอาจจะยังไม่สามารถทดแทนบรรยากาศและความรู้สึกของดนตรีสดแบบปกติได้ 100% เพราะท้ายที่สุดหน้าที่ของคอนเสิร์ตออนไลน์ ไม่ใช่การพาผู้ชมกลับไปสู่บรรยากาศของคอนเสิร์ตที่เราคุ้นเคยให้ได้มากที่สุด แต่เป็นการมอบประสบการณ์เสพดนตรีสดที่แปลกใหม่และแตกต่างให้กับผู้ชม 

 

เริ่มตั้งแต่การที่ศิลปินจะได้เห็นหน้าค่าตาแฟนเพลงหลายพันคนผ่านหน้าจอขนาดยักษ์อย่างชัดเจน การนำแอปพลิเคชันมาเสริมสร้างสีสันให้แฟนเพลงได้ร่วมสนุกไปพร้อมกับศิลปิน แฟนเพลงสามารถร่วมพูดคุยกับศิลปินได้แบบเรียลไทม์ การนำเทคนิคพิเศษอย่าง Green Screen และกราฟิก 3D เข้ามาผสมผสานกับงานแสง สี เสียง จนกลายเป็นองค์ประกอบของคอนเสิร์ตที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอนเสิร์ตออนไลน์ยังเปรียบเสมือนประตูที่เชื่อมโยงให้แฟนเพลงได้ใกล้ชิดกับศิลปินได้แม้จะอยู่ในที่ห่างไกล เพราะภายในงานครั้งนี้ เราได้เห็นแฟนเพลงที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ ได้มาร่วมพูดคุยและร้องเพลงกับศิลปินเช่นกัน ซึ่งหากเป็นคอนเสิร์ตแบบปกติพวกเขาคงไม่มีโอกาสได้มาพูดคุยกันแบบนี้

 

รวมถึงโมเมนต์เล็กๆ แฟนคลับและศิลปินที่ร่วมกันประสานเสียงผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม อันเต็มไปด้วยการดีเลย์ของเสียง ภาพที่ไม่ค่อยชัด เสียงรบกวนภายนอก ความอีรุงตุงนังเหล่านี้กลับกลายเป็นบรรยากาศที่ทำให้เราขนลุกซู่ และประทับใจทุกครั้งที่ได้สัมผัส 

 

การรีดเร้นศักยภาพของงานโปรดักชัน และการมีส่วนร่วมระหว่างแฟนเพลงและศิลปินของคอนเสิร์ตออนไลน์ ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้ แสดงให้เราเห็นแล้วว่าคอนเสิร์ตออนไลน์จะไม่ใช่สิ่งที่เข้ามาทดแทนคอนเสิร์ตรูปแบบปกติ แต่เป็นเพียงหนึ่งใน ‘ทางเลือกใหม่’ ของการเสพดนตรีสดในยุคต่อไป  

 

และบางทีเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลกว่าเดิม รูปแบบการจัดคอนเสิร์ตออนไลน์ในตอนนี้ อาจนำพาเราไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของการเสพดนตรีสดที่เรามิอาจจินตนาการถึงในอนาคต

 

สำหรับใครที่อยากลัดเลาะไปชมเบื้องลึกเบื้องหลังงาน Online Music Festival: Top Hits Thailand ในครั้งนี้ สามารถตาม THE STANDARD POP ไปร่วมพูดคุยกับเหล่าศิลปินและทีมงานเบื้องหลังได้ที่ thestandard.co/online-music-festival-back-stage/

 

ภาพประกอบโดย

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising