IMF ลดเป้า GDP จีนเหลือ 5.6%, เกาหลีใต้ยกระดับเตือนภัยโรคระบาดขั้นสูงสุด, ฝรั่งเศสคาดโควิด-19 ทำนักท่องเที่ยวหดตัว 30-40%: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (24 ก.พ. 2563)

เกาหลีใต้ประกาศภาวะวิกฤตโควิด-19 พบติดเชื้อแล้วสูงกว่า 700 ราย โดยประธานาธิบดีมุนแจอินของเกาหลีใต้ประกาศยกระดับการเตือนภัยโรคระบาดในขั้นสูงสุดตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด พร้อมเพิ่มมาตรการรับมือวิกฤตรุนแรงในครั้งนี้ หลังมีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 700 ราย และเสียชีวิตแล้ว 7 คน โดยจุดแพร่ระบาดสำคัญอยู่ที่เมืองแทกู เมืองใหญ่อันดับ 4 ของเกาหลีใต้ ซึ่งมีประชาชนกว่า 2.5 ล้านคน ส่วนอิตาลีก็ประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินหลังพบผู้ติดเชื้อแล้ว 132 ราย โดยจุดระบาดหนักอยู่แคว้นลอมบาร์เดียทางตอนเหนือของอิตาลี ซึ่งพบการติดเชื้อแล้ว 89 กรณี

ฝรั่งเศสคาดนักท่องเที่ยวหายราว 30-40% จากปัญหาโควิด-19 บรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอาจกระทบยอดนักท่องเที่ยวเข้าฝรั่งเศสหดตัวถึง 30-40% และสายการบินมากกว่า 2 แสนเที่ยวบินที่ถูกยกเลิก ซึ่งเป็นสัดส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจฝรั่งเศส โดยแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศราว 2.7 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวทั้งหมดในปี 2018 คือ 89.4 ล้านคน และรายได้การท่องเที่ยวทั้งหมดคิดเป็น 8% ของ GDP ทั้งประเทศ

IMF ลดเป้า GDP จีนเหลือ 5.6% ในการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางในกลุ่ม G20 ทาง IMF ได้ออกมาให้มุมมองว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มฉุดเศรษฐกิจจีนปี 2020 ขยายตัวเหลือ 5.6% ลดลง 0.4% จากคาดการณ์ล่าสุดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมองว่าเศรษฐกิจจีนจะเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป ถึงกระนั้นความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่มาก ขึ้นอยู่กับการจัดการการแพร่ระบาดว่าทำได้รวดเร็วแค่ไหน ขณะที่ผลกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจอาจมีผลระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตามผลกระทบดังกล่าวอาจฉุดเศรษฐกิจโลก 0.1%

Goldman เตือนลูกค้าตลาดหุ้นเสี่ยงปรับฐาน โดยมองว่าตลาดประเมินความเสี่ยงจากโควิด-19 ต่ำเกินไป ขณะที่มีโอกาสสูงที่หุ้นจะปรับฐาน และคาดว่าเศรษฐกิจจีนอาจขยายตัวเหลือเพียง 3.5% หากไม่สามารถควบคุมวิกฤตไวรัสได้เร็วเพียงพอ นักกลยุทธ์ของ Goldman คาดว่าตลาดอาจมีปัญหาหากไม่ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรลง โดยตลาดหุ้นกำลังมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อเซอร์ไพรส์ที่จะมีการลดการเติบโตของกำไรในระยะใกล้นี้ ถึงแม้ตลาดหุ้นไม่น่าจะเป็นตลาดภาวะหมีอย่างยั่งยืน แต่ก็มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการปรับฐานในระยะใกล้นี้

เศรษฐกิจไทย จับตาตัวเลขนำเข้า-ส่งออกเดือนมกราคม โดยกระทรวงพาณิชย์จะประกาศตัวเลขนำเข้า-ส่งออกประจำเดือนมกราคมวันนี้ เวลา 10.00 น. โดยคาดการณ์ว่ายังคงออกมาเป็นตัวเลขหดตัวต่อเนื่อง ซึ่งเดือนมกราคมคาดว่าตัวเลขนำเข้าหดตัว -2.95% หดตัวมากกว่าเดือนก่อน -1.28% และตัวเลขส่งออกหดตัว -13.80% ขณะที่เดือนก่อนขยายตัว 2.54% ในส่วนดุลบัญชีการค้าเดือนมกราคมคาดว่าหดตัว 800 ล้านบาท ขณะที่เดือนก่อนหน้าเกินดุล 600 ล้านบาท

สรุปภาพรวมตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวลงแรงจากจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในจีนและประเทศอื่นๆ รวมไปถึงตัวเลข PMI ของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่า 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี แสดงถึงภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว สร้างความกังวลให้นักลงทุนเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมา สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงเช่นกันจากความกังวลที่เศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัว ส่งผลให้หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลงแรง นำโดย หุ้นโรลส์-รอยซ์ของอังกฤษ ร่วง -2.86% และ หุ้นเรโนลต์ของฝรั่งเศส ร่วง -2.97%

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากความกังวลที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง รวมไปถึงกลุ่ม OPEC ที่ยังไม่ส่งสัญญาณลดกำลังการผลิตที่ชัดเจน อาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดได้ ด้านราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากความกังวลที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว และการเกิดภาวะ Inverted Yield Curve ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะถดถอย ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลดังกล่าว (Risk Off)

สหรัฐฯ