×

สิงคโปร์ไฟเขียวต่ออายุมาตรการเยียวยา, ตลาดอสังหาฯ สหรัฐฯ ยังแกร่ง ประกาศตัวเลขดีกว่าคาด: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (19 ส.ค. 2563)

โดย FINNOMENA
19.08.2020
  • LOADING...
  • จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหภาพยุโรปมีกำหนดประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (CPI & Core CPI) ซึ่งเป็นตัวแทนของอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนกรกฎาคม โดยคาดว่าจะออกมาที่ 0.4%(YoY) และ 1.2%(YoY) ตามลำดับ ยังสามารถอยู่ในแดนขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

 

  • เมื่อวานนี้รัฐบาลสิงคโปร์อนุมัติขยายระยะเวลาเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ออกไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2021 จากกำหนดการเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนตุลาคม 2020 คิดเป็นจำนวนเงินเพิ่มเติมกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 180,000 ล้านบาท) โดยจะเน้นไปที่กลุ่มแรงงานที่ทำงานในอุตสาหกรรมด้านท่องเที่ยว การบิน ก่อสร้าง ซึ่งจะได้รับเม็ดเงินเยียวยามากสุดถึง 50% ของเงินเดือน ขณะที่แรงงานในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อาหาร ขนส่ง ขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ค้าปลีก จะได้รับเงินเยียวยา 30% โดยที่เหลือจะได้รับเงินเยียวยา 10% พร้อมกันนี้ยังมีมาตรการส่งเสริมการจ้างงานในอุตสาหกรรมใหม่ที่ได้รับผลเชิงบวกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในะระยะยาว อาทิ อุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมด้านชีวภาพ ซึ่งถ้าหากมีการจ้างงานชาวสิงคโปร์ด้วยกันเอง รัฐบาลจะช่วยเพิ่มเงินเดือนอีก 25% ของเงินเดือนในระยะเวลา 1 ปี โดยทางการระบุว่า การต่ออายุมาตรการเยียวยาในครั้งนี้อาจให้ได้ไม่เท่ามาตรการครั้งก่อนหน้าที่สูงสุด 75% ของเงินเดือน เนื่องจากอาจส่งผลต่อความมั่นคงด้านทุนสำรองของสิงคโปร์เอง โดยจุดประสงค์หลักของมาตรการดังกล่าวเป็นไปเพื่อช่วยให้ธุรกิจในสิงคโปร์กว่า 150,000 แห่งปลดพนักงานออกให้น้อยที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

 

  • สหรัฐฯ รายงานจำนวนขออนุญาตสร้างบ้านประจำเดือนกรกฎาคมออกมาที่ 1.495 ล้านหลัง สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.320 ล้านหลัง ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.258 ล้านหลัง สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับจำนวนการเริ่มต้นก่อสร้างที่ประกาศออกมาที่ 1.496 ล้านหลัง สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 1.240 ล้านหลัง และขยายตัวเพิ่มจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.220 ล้านหลัง คิดเป็นการขยายตัว 22.6%(MoM) ตัวเลขดังกล่าวมีปัจจัยจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ซึ่งหนุนการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้ขยายตัว ประกอบกับความเชื่อมั่นของชาวอเมริกันที่ฟื้นตัว หลังแนวโน้มการปิดเมืองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ในระดับที่ต่ำ จากพัฒนาการของวัคซีนและยารักษา

 

  • แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง แถลงว่า ทางการฮ่องกงกำลังเตรียมยื่นเรื่องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) กรณีการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อฮ่องกง ซึ่งฮ่องกงมองว่าเป็นการละเมิดกติกาและระเบียบต่างๆ ของ WTO อย่างชัดเจน และเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมโดยสิ้นเชิง พร้อมทั้งระบุว่ากฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่ถูกบังคับใช้ในฮ่องกงนั้นมีจุดประสงค์หลักเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ และเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่พำนักอาศัยในฮ่องกง ไม่ได้มีเป้าหมายในการใช้ลิดรอนเสรีภาพแต่อย่างใด

 

  • Amazon บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ประกาศเตรียมจ้างงานเพิ่มกว่า 3,500 ตำแหน่งใน 6 เมืองใหญ่ ประกอบไปด้วย ดัลลัส ดีทรอยต์ เดนเวอร์ นิวยอร์ก (แมนฮัตตัน) ฟีนิกซ์ และซานดิเอโก ภายใต้การลงทุนกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรองรับการขยายศูนย์เทคโนโลยีของบริษัท (Tech Hubs) ซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนการทำงานของธุรกิจต่างๆ ของบริษัท โดยมีการคาดการณ์ว่า การประกาศจ้างงานเพิ่มในครั้งนี้จะเน้นไปที่กลุ่ม Data Sceintist, Developer และ Cloud Infrastructure เป็นหลัก โดยปัจจุบัน Amazon มีพนักงานกว่า 876,000 รายทั่วโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการจ้างงานมากที่สุดในโลก 

 

ภาวะตลาดวานนี้

  • ดัชนี Dow Jones ปรับตัวลง ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นและทำ New High โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการหุ้น Walmart และ Home Depot ซึ่งเป็นหุ้นค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐฯ รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง สะท้อนว่าเศรษฐกิจไม่ได้แย่อย่างที่คิด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ส่งผลได้ดี สวนทางกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงหลังผลประกอบการของบริษัทไตรมาส 2 ออกมาอ่อนแอ สร้างความกังวลให้นักลงทุนเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมาจากปัจจัยดังกล่าว

 

  • สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากการคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ จะลดลง ซึ่งการประกาศจะมีขึ้นในค่ำคืนนี้ ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ส่งผลให้นักลงทุนย้ายเม็ดเงินไปสินทรัพย์อื่นๆ ซึ่งรวมไปถึงทองคำด้วย

 

สหรัฐฯ

  • Dow Jones อยู่ที่ 27778.07 ลดลง -66.84 (-0.24%)
  • S&P 500 อยู่ที่ 3389.78 เพิ่มขึ้น 7.79 (0.23%)
  • Nasdaq อยู่ที่ 11210.84 เพิ่มขึ้น 81.12 (0.73%)

 

ยุโรป

  • DAX อยู่ที่ 12881.76 ลดลง -38.9 (-0.3%)
  • FTSE 100 อยู่ที่ 6076.62 ลดลง -50.82 (-0.83%)
  • Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3289.64 ลดลง -16.21 (-0.49%)
  • FTSE MIB อยู่ที่ 19845.61 ลดลง -104.71 (-0.52%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 อยู่ที่ 23051.08 ลดลง -45.67 (-0.2%)
  • S&P/ASX 200 อยู่ที่ 6123.4 เพิ่มขึ้น 47 (0.77%)
  • Shanghai อยู่ที่ 3451.09 เพิ่มขึ้น 12.29 (0.36%)
  • SZSE Component อยู่ที่ 13768.17 เพิ่มขึ้น 25.94 (0.19%)
  • China A50 อยู่ที่ 15695.51 ลดลง -45.5 (-0.29%)
  • Hang Seng อยู่ที่ 25367.38 เพิ่มขึ้น 20.04 (0.08%)
  • Taiwan Weighted อยู่ที่ 12872.14 ลดลง -83.97 (-0.65%)
  • SET อยู่ที่ 1330.11 เพิ่มขึ้น 9.2 (0.7%)
  • KOSPI อยู่ที่ 2348.24 ลดลง -59.25 (-2.46%)
  • IDX Composite อยู่ที่ 5295.17 เพิ่มขึ้น 47.48 (0.9%)
  • BSE Sensex อยู่ที่ 38528.32 เพิ่มขึ้น 477.54 (1.26%)
  • PSEi Composite อยู่ที่ 6156.45 ลดลง 0 (0%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 42.7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.07 (-0.16%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 45.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.25 (-0.55%)
  • ราคาทองคำ อยู่ที่ 2005.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 21.42 (1.08%)

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising