– วันนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เตรียมตัดสินใจด้านนโยบายทางการเงิน โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BOJ อาจยกเลิกเพดานการซื้อสินทรัพย์ในวงเงิน 80 ล้านล้านเยน (7.43 แสนล้านดอลลาร์) ต่อปี พร้อมทั้งประกาศเข้าซื้อสินทรัพย์แบบไม่จำกัดวงเงินแทน และขยายขอบเขตการเข้าลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น แต่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ -0.1% ต่อไป เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน หลังโควิด-19 กดดันเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างหนัก
– สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่า มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่รัฐบาลดำเนินการนั้นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ และเชื่อว่า เมื่อภาคธุรกิจเริ่มกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง ภาวะอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจก็จะดีดตัวขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 3/2020 นี้ อย่างไรก็ตาม มนูชินเตือนว่า การเปิดเศรษฐกิจจะต้องทำควบคู่ไปกับมาตรการตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก เพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างมั่นคง
– วันนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย มีกำหนดการหารือกับฝ่ายความมั่นคง เพื่อพิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และมาตรการเคอร์ฟิว ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเตรียมเสนอต่ออายุไปอีก 1 เดือน พร้อมให้คงมาตรการเคอร์ฟิว 22.00-04.00 น. ให้สามารถเปิดห้างสรรพสินค้าได้ แต่ต้องมีมาตรการสาธารณสุข และการป้องกันต่างๆ รองรับ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้นอย่างมั่นคง
– สำนักข่าว Reuters รายงานว่า อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในสหรัฐฯ เช่น ผู้ผลิตน้ำมันในชั้นหิน โรงกลั่นนํ้ามัน รวมถึงบริษัทท่อส่งน้ำมันในสหรัฐฯ อาจต้องปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มเติม จากความต้องการนํ้ามันทั่วโลกที่ลดลงราวๆ 30% รวมไปถึงปัจจัยกดดันอื่น อย่างสงครามนํ้ามันระหว่างรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย ที่ทำให้นํ้ามันดิบล้นตลาด สอดคล้องกับรายงานของ Fitch Rating ที่คาดการณ์ว่า ในปี 2020 บริษัทพลังงานจะมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้อยู่ที่ 18%
– ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอังกฤษใกล้แตะ 20,000 ราย โดยอังกฤษเป็นประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ขณะที่สื่อรายงานว่า บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในวันจันทร์นี้ และจะต้องเผชิญกับปัญหาการรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์และปัญหาการควบคุมโรคระบาด
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
– ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นหลังบางรัฐเตรียมปลดล็อกดาวน์ สืบเนื่องจากจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มชะลอตัว ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเข้าซื้อหุ้น โดยหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นฟูเร็วๆ นี้ สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงหลังสหภาพยุโรปไม่สามารถบรรลุข้อตกลงมาตรการเยียวยาที่ชัดเจนและล่าช้า ส่งผลให้เศรษฐกิจอาจชะลอตัวไปอีกระยะ
– ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ที่เริ่มลดลง รวมไปถึงกลุ่ม OPEC+ เริ่มลดกำลังการผลิตน้ำมันแล้ว ด้านราคาทองคำปรับตัวลงเล็กน้อย หลังนักลงทุนเริ่มเทขายทองคำเพื่อทำกำไรจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมาแรง
สหรัฐฯ
– Dow 30 อยู่ที่ 23775.27 เพิ่มขึ้น 260.01 (1.11%)
– S&P 500 อยู่ที่ 2836.74 เพิ่มขึ้น 38.94 (1.39%)
– Nasdaq อยู่ที่ 8634.52 เพิ่มขึ้น 139.77 (1.65%)
ยุโรป
– DAX อยู่ที่ 10336.09 ลดลง -177.7 (-1.69%)
– FTSE 100 อยู่ที่ 5752.23 ลดลง -74.38 (-1.28%)
– Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2809.07 ลดลง -43.39 (-1.52%)
– FTSE MIB อยู่ที่ 16858.89 ลดลง -152.22 (-0.89%)
เอเชีย
– Nikkei 225 อยู่ที่ 19262 ลดลง -167.44 (-0.86%)
– S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5242.6 เพิ่มขึ้น 25.5 (0.49%)
– Shanghai อยู่ที่ 2808.53 ลดลง -29.97 (-1.06%)
– SZSE Component อยู่ที่ 10423.46 ลดลง -140.59 (-1.33%)
– China A50 อยู่ที่ 13007.5 ลดลง -85.64 (-0.65%)
– Hang Seng อยู่ที่ 23831.33 เพิ่มขึ้น 145.99 (0.61%)
– Taiwan Weighted อยู่ที่ 10347.36 ลดลง -19.15 (-0.18%)
– SET อยู่ที่ 1258.78 ลดลง -13.75 (-1.08%)
– KOSPI อยู่ที่ 1889.01 ลดลง -25.72 (-1.34%)
– IDX Composite อยู่ที่ 4496.06 ลดลง -97.49 (-2.12%)
– BSE Sensex อยู่ที่ 31327.22 ลดลง -535.86 (-1.68%)
– PSEi Composite อยู่ที่ 5464.98 ลดลง -134.57 (-2.4%)
Commodity
– ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 16.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.25 (-1.45%)
– ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 21.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.14 (-0.65%)
– ราคาทองคำ อยู่ที่ 1729.43 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.65 (0.04%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters