×

นักเศรษฐศาสตร์ คาด Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป จนทะลุ 4% และคงอัตราดังกล่าวไว้จนพ้นปี 2023

18.09.2022
  • LOADING...
Fed

ตามความเห็นของ นักเศรษฐศาสตร์ ส่วนใหญ่ในผลการสำรวจของ Financial Times คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่า 4% และคงอัตราดังกล่าวไว้อีกสักระยะ หรือจนผ่านพ้นปี 2023 ไป

 

ผลสำรวจล่าสุดของ Financial Times ยังชี้ให้เห็นว่า Fed ไม่น่ายุติวงจรการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดเร็วๆ นี้ หลังจากในปีนี้ Fed ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างก้าวกระโดดมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 1981 ทำให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อยู่ที่ 2.25-2.50% แล้วจากระดับใกล้ศูนย์


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ในวันอังคารที่จะถึงนี้ (20 กันยายน) คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) จะประชุมกันเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งตลาดพากันคาดการณ์ว่า Fed จะดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ไปอยู่ที่ 3-3.25%

 

โดยเกือบ 70% ของนักเศรษฐศาสตร์ 44 คน ที่ตอบแบบสำรวจระหว่างวันที่ 13-15 กันยายน เชื่อว่าวงจรการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ครั้งนี้จะแตะ 4-5% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์อีก 20% มองว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าระดับดังกล่าว

 

ด้าน Eric Swanson ศาสตราจารย์แห่ง University of California, Irvine ระบุว่า FOMC ยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงแค่ไหน แต่เขาเชื่อว่าในที่สุด Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5-6% โดยหาก Fed ต้องการชะลอเศรษฐกิจในตอนนี้ พวกเขาจำเป็นต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน

 

แม้ว่า Fed จะตั้งเป้าหมายให้ดัชนีราคาบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (PCE) กลับไปที่ 2% แต่ Fed ก็ติดตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อย่างใกล้ชิดเช่นกัน

 

โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า PCE จะลดลงจากระดับล่าสุดที่ 4.6% ในเดือนกรกฎาคม เหลือ 3.5% ภายในสิ้นปี 2566

 

ขณะที่ Jón Steinsson จาก University of California, Berkeley กล่าวว่า เราทุกคนต่างเคยหวังว่าอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มลดลง และเราทุกคนต่างก็ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเธอยังเตือนถึงความเสี่ยงที่ความน่าเชื่อถือของ Fed จะพังทลายลงอย่างรุนแรง

 

นักเศรษฐศาสตร์มากกว่า 1 ใน 3 ที่ตอบแบบสำรวจยังเตือนว่า Fed จะล้มเหลวในการควบคุมเงินเฟ้อหากไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกิน 4% ภายในสิ้นปีนี้

 

อ้างอิง

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising