สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านไก่ทอดชื่อดังอย่าง KFC กว่า 900 สาขาทั่วเกาะอังกฤษและไอร์แลนด์ประกาศปิดให้บริการชั่วคราว หลังจากไม่มีไก่ที่จะใช้ทำเมนูต่างๆ โดยให้สาเหตุว่า เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในขั้นตอนการส่งสินค้ากับพาร์ตเนอร์ธุรกิจใหม่อย่าง DHL
ก่อนที่เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) จะมีอัปเดตเพิ่มเติมว่า KFC เกือบ 300 สาขาจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง แม้อาจจะไม่สามารถจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าได้ครบทุกเมนูก็ตาม ในขณะที่สาขาที่เหลือก็ยืนยันที่จะยังไม่เปิดให้บริการ เนื่องจากไม่อยากจำหน่ายหากไม่มีวัตถุดิบเพียงพอต่อทุกเมนู โดยยังไม่มีการแจ้งว่าจะกลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อใด
ทางด้าน มิก ริกซ์ (Mick Rix) เจ้าหน้าที่สหภาพการค้าของอังกฤษให้ความเห็นกับ BBC ว่า “การตัดสินใจเปลี่ยนพาร์ตเนอร์ของ KFC จาก Bidvest มาเป็น DHL คือการตัดสินใจที่ผิดพลาด การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้คนกว่า 255 คนว่างงาน และคลังสินค้าของ Bidvest ต้องปิดตัวลง ตลอด 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา KFC รู้แล้วว่าตัดสินใจผิด แต่ก็สายเกินซะแล้ว”
ในขณะที่ DHL พาร์ตเนอร์ที่ทำหน้าที่จัดส่งวัตถุดิบให้แก่ KFC ทุกสาขาในอังกฤษและไอร์แลนด์ชี้แจงเพียงว่า “ระบบจัดส่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีปัญหาและอาจทำให้ล่าช้าไปบ้าง” โดย DHL ประกาศเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า ได้เซ็นสัญญาร่วมงานกับ KFC และ QSL และสัญญาว่าจะสร้างมาตรฐานใหม่ในการส่งวัตถุดิบที่สดใหม่ให้แก่ KFC ในแนวทางที่ยั่งยืนถาวร
อ้างอิง: