×

จากยอดตึกสูงสู่หลังตุ๊กตุ๊ก ‘ป้ายโฆษณาศิลปิน’ โปรเจกต์ของแฟนด้อมที่เป็นมากกว่าการส่งต่อความรัก

22.01.2021
  • LOADING...
จากยอดตึกสูงสู่หลังตุ๊กตุ๊ก ‘ป้ายโฆษณาศิลปิน’ โปรเจกต์ของแฟนด้อมที่เป็นมากกว่าการส่งต่อความรัก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ป้ายโฆษณา’ เป็นสิ่งคุ้นตาของชีวิตคนเมือง แทบทุกพื้นที่ล้วนมีแบรนด์ต่างๆ จับจองเพื่อโปรโมตสินค้า แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ป้ายโฆษณาได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนจากสินค้าที่คุ้นตา สู่ภาพใบหน้าของศิลปินจากหลากหลายประเทศที่ถูกจัดทำด้วยความรักจากเหล่าแฟนคลับที่หวังช่วยโปรโมตผลงานและศิลปินให้เป็นที่รักของผู้พบเห็นมากขึ้น 

 

‘ป้ายโฆษณาศิลปิน’ หนึ่งในวัฒนธรรมของแฟนด้อม (Fandom) ทั่วโลกที่เหล่าแฟนคลับร่วมใจกันทำเพื่อศิลปินที่รักในโอกาสต่างๆ อย่าง วันเกิด โปรโมตผลงาน หรือเฉลิมฉลองตามเทศกาลสำคัญต่างๆ ที่หลายคนน่าจะเคยเห็นสเกลตั้งแต่จอโฆษณาขนาดใหญ่บนอาคารหรือห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ไปจนถึงในสถานีรถไฟใต้ดิน ที่ปัจจุบันในประเทศไทยเองนั้นได้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ เมื่อ ‘ป้ายโฆษณา’ เหล่านี้เดินทางไปสู่พื้นที่โฆษณาใหม่ ที่ถึงแม้จะมาจากต่างด้อมต่างวาระ แต่จุดมุ่งหมายของพวกเขาและเธอไม่เพียงเป็นการพาศิลปินสุดที่รักไปสู่พื้นที่และกลุ่มคนใหม่ๆ แต่ยังเป็นการช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน

 

THE STANDARD POP ลงพื้นที่เก็บภาพบรรยากาศและพูดคุยกับตัวแทนจากแฟนด้อม รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าและคนขับรถตุ๊กตุ๊ก เพื่อทำความรู้จักกับ ‘ป้ายโฆษณาศิลปิน’ หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า ‘ป้ายโปรเจกต์’ นั้นคืออะไร และการเปลี่ยนผ่านจากป้ายโฆษณาบนตึกสูงหรือห้างสรรพสินค้าสู่รถเข็นสตรีทฟู้ดและรถตุ๊กตุ๊กนั้นมีความเป็นมาอย่างไร ไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน!

 

 

โปรเจกต์: พาคิมซอนโฮนั่งตุ๊กๆ เที่ยว

จัดทำโดย: MY Kim Seon Ho Thailand

แฮชแท็ก: #MyKimseonHo_MyChristmas

 

‘พาคิมซอนโฮนั่งตุ๊กๆ เที่ยว’ หนึ่งในโปรเจกต์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อเร็วๆ นี้ (ระยะเวลาโปรเจกต์ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2020-15 มกราคม 2021) ของแฟนเพจ MY Kim Seon Ho Thailand ที่แอดมินและเหล่าซอนโฮฮาดา (ชื่อแฟนคลับของ คิมซอนโฮ) ชาวไทยร่วมใจกันมอบเป็นของขวัญวันคริสต์มาสให้กับ ‘#คุณนักแสดง’ คิมซอนโฮ หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จจากบทบาท ฮันจีพยอง ในซีรีส์ Start-Up จนเกิดเป็นกระแส #ทีมหัวหน้าทีมฮัน ไปทั่วบ้านทั่วเมืองทั้งในไทยและต่างประเทศ

 

โดยจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์เกิดจากประโยคหนึ่งในบทสัมภาษณ์ของคิมซอนโฮที่เผยว่า “ผมรู้สึกขอบคุณทุกคนที่เห็นถึงความพยายามของผมในการรับบทฮันจีพยอง มันเหมือนกับของขวัญคริสต์มาสที่มาเซอร์ไพรส์ผม” ซึ่งทำให้แอดมินนำคีย์เวิร์ดจากบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมาแปรเปลี่ยนเป็น ‘ของขวัญ’ ด้วยการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ผ่าน ‘รถตุ๊กตุ๊ก’ หนึ่งในยานพาหนะที่เป็นซิกเนเจอร์ของประเทศไทย เพื่อต้องการพาคุณนักแสดงเดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในกรุงเทพฯ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือคนขับรถตุ๊กตุ๊กที่ต้องประสบปัญหาจากการขาดรายได้ในช่วงโควิด-19 

 

 

“ตอนที่ตัดสินใจทำโปรเจกต์เรามีเวลาแค่ 7 วัน และช่วงนั้นก็ใกล้เทศกาลคริสต์มาสแล้ว เราเลยคุยกันว่าต้องทำอะไรสักอย่างเชิงสัญลักษณ์ เพราะปกติแล้วป้ายโฆษณาโปรเจกต์มักจะถูกติดตามสถานีรถไฟฟ้า แต่เราเลือกที่จะไม่ทำเพราะมันแพงมาก เลยคิดกันว่าถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนเป็นติดป้ายที่รถตุ๊กตุ๊กไหม ใช้งบไม่เยอะ และตอนนี้คนก็เริ่มทำกันค่อนข้างเยอะแล้ว มันดูดีและสวย 

 

“รวมถึงทุกคนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หมด แม้แต่ตัวแฟนคลับเองก็ได้รับผลกระทบ จึงทำให้เรามองว่าถ้าจะทำโปรเจกต์อะไรสักอย่างแล้วมันสามารถช่วยคนอื่นได้ด้วยน่าจะดีกว่าไหม การทุ่มเงินหลักแสนเพื่อไปติดป้ายให้นายทุนได้เงิน ในทางกลับกันเราทุ่มเงินแค่หลักหมื่น แต่คนขับรถตุ๊กตุ๊กได้เงินค่าติดป้ายชัวร์ ได้เรียกงาน เพราะหลังจากทำโปรเจกต์แล้วมีคนมาสอบถามเราเยอะมากว่าติดป้ายที่ไหน ติดอย่างไร และขอคอนแท็กของคนขับรถตุ๊กตุ๊ก ซึ่งเขาก็จะได้รับการจองคิวต่อไป เราไม่ใช่แค่ติ่งดาราที่ติดรูปผู้ชายบนรถตุ๊กตุ๊กวิ่งรอบกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่เราภูมิใจที่ได้ทำ เพราะมันทำให้คนอื่นมีงานทำ และแฟนคลับเองก็ยินดีที่จะสนับสนุนค่ะ”

 

ซึ่งจากจุดเริ่มต้นทั้งหมดนี้เอง ที่ทำให้โปรเจกต์ ‘พาคิมซอนโฮนั่งตุ๊กตุ๊กเที่ยว’ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากซอนโฮฮาดาชาวไทย โดยหลังจากเปิดโดเนตเพียง 2 วันก็สามารถรวบรวมเงินได้เกินเป้าหมายถึง 19,118.65 บาท ก่อนที่แอดมินจะนำเงินดังกล่าวไปจัดการตามกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่สั่งทำไปจนถึงติดตั้งป้ายท้ายรถตุ๊กตุ๊กที่โลดแล่นอยู่บนท้องถนนกว่า 18 คัน

 

“แฟนคลับให้การสนับสนุนเร็วค่ะ อาจจะเพราะด้วยนิสัยของคนไทยที่ชอบช่วยเหลือ ซึ่งตอนแรกเราคิดกันว่าจะติดป้ายโฆษณาที่รถตุ๊กตุ๊กประมาณ 7-8 คัน แต่กลายเป็นว่าทุกคนโดเนตกันเข้ามาเยอะมาก และในเมื่อทุกคนให้ใจกันขนาดนี้ เราเลยตัดสินใจนำเงินทั้งหมดมาทำเป็นโปรเจกต์รวม 18 คันค่ะ

 

“นอกจากติดป้ายโฆษณาแล้ว เรายังมีโปรเจกต์ให้แฟนคลับไปทักทายคิมซอนโฮ ไปใช้บริการรถตุ๊กตุ๊ก โดยเราใส่เบอร์โทรศัพท์ของคนขับเอาไว้ และหากใครไปใช้บริการแล้วถ่ายรูปโพสต์พร้อมแฮชแท็กโปรเจกต์ เราก็จะมีของที่ระลึกให้แฟนคลับที่มาร่วมโปรเจกต์กับเราค่ะ”

 

 

สอดคล้องกับคำพูดของ วุฒิศักดิ์ คนขับรถตุ๊กตุ๊กประสบการณ์ 10 ปี หนึ่งในรถตุ๊กตุ๊กย่านหัวลำโพงที่ติดป้ายโปรเจกต์เผยว่า “ป้ายโฆษณาช่วยได้เยอะเลยครับ ช่วยให้คนขับตุ๊กตุ๊กมีรายได้เพิ่ม เพราะช่วงโควิด-19 วันหนึ่งเราวิ่งได้ไม่ถึงวันละ 300-400 บาท การได้ค่าติดป้ายโฆษณาเดือนละ 500-600 บาทมันมีค่าสำหรับเรา รวมถึงการที่มีแฟนคลับมาถ่ายรูปป้าย ก็เหมือนกับการเรียกลูกค้าไปด้วย เรียกความสนใจจากคนที่พบเห็น ทำให้อาชีพคนขับรถตุ๊กตุ๊กอย่างเราๆ ได้รับความสนใจด้วยครับ ซึ่งหลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้วเขาก็ใช้บริการรถของเราต่อ เพื่อนๆ ร่วมวินก็อยากให้มีอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ครับ”

 

นอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับคนขับรถตุ๊กตุ๊กแล้ว แอดมินยังได้จัดทำภาพประกอบพร้อมคำบรรยาย 3 ภาษา (ไทย อังกฤษ และเกาหลี) ลงในเว็บไซต์ kimseonhothailand.com เพื่อประชาสัมพันธ์โปรเจกต์ให้แฟนๆ ในไทยและต่างประเทศได้รับรู้

 

“เราถือว่าได้รับเสียงตอบรับที่ดีค่ะ แฟนคลับเกาหลีและแฟนต่างชาติแชร์กันเยอะมาก กลายเป็นหนึ่งในกระทู้ติดดาวของแฟนคาเฟ่ใน NAVER ที่มีคนเข้ามาดูหลายพันคน ในเว็บไซต์ที่เราลงข้อมูลโปรเจกต์ไว้ก็มีคนเข้ามาดูหลักหมื่นคน ถือว่าประสบความสำเร็จในเชิงการประชาสัมพันธ์ค่ะ 

 

“รวมถึงการที่เว็บไซต์สำนักข่าวเกาหลี Single List ลงข่าวเกี่ยวกับโปรเจกต์ของเราโดยใช้พาดหัวประมาณว่า ‘ปรากฏการณ์ของคิมซอนโฮ’ ซึ่งเอาจริงๆ เราไม่ได้คาดหวังว่าโปรเจกต์จะมาขนาดนี้เลยค่ะ กระแสที่เกาหลีมันเป็นสิ่งที่เกินความคาดหวังของพวกเรามากๆ 

 

“และในความรู้สึกของคนต่างชาติ รถตุ๊กตุ๊กเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย ถ้ามาไทยต้องนั่งตุ๊กตุ๊ก ถึงไม่เคยมาก็ต้องรู้จัก เราดีใจที่ได้ทำโปรเจกต์นี้ เพราะนอกจากคนขับตุ๊กตุ๊กที่ได้รายได้เพิ่มแล้ว สิ่งที่ตามมาคือการโปรโมตประเทศไทย ที่เราไปเห็นตามกระทู้ต่างๆ ว่ามีแฟนต่างชาติคอมเมนต์ว่า “ประเทศไทยสวยจัง อยากไปเที่ยว” หรือบางคนก็คอมเมนต์ว่า “ทำไมบ้านเราถึงไม่มีแบบนี้บ้าง” มันประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายไปมากค่ะ”

 

FYI:

คิมซอนโฮ นักแสดงชายชาวเกาหลีใต้ ที่เริ่มต้นอาชีพนักแสดงจากการเป็นนักแสดงละครเวทีในปี 2009 จากเรื่อง New Boeing Boeing ก่อนจะเริ่มมีผลงานซีรีส์ในปี 2017 จากเรื่อง Good Manager ของช่อง KBS2 และมีผลงานตามมาอีกมากมาย อาทิ Two Cops (MBC), 100 Days My Prince (tvN), Welcome to Waikiki 2 (JTBC), Catch The Ghost (tvN), Start-Up (tvN) ฯลฯ และรายการวาไรตี้ 2 Days 1 Night 

 

ติดตาม คิมซอนโฮ ได้ผ่านทาง

Instagram: @seonho__kim และ @kimseonho_staff.diary

TikTok: @seonho__kim

VLIVE: Kim Seon Ho (김선호)

 


 

 

โปรเจกต์: รถเข็นไคซู 2021 

จัดทำโดย: @kairoro88 และ @MulanzzZ

แฮชแท็ก: #รถเข็นไคซู2021

 

‘รถเข็นไคซู 2021’ โปรเจกต์สนุกๆ จากสองแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ @kairoro88 และ @MulanzzZ ที่มีจุดเริ่มต้นจากความชื่นชอบในศิลปินวง EXO และต้องการทำโปรเจกต์วันเกิดให้กับสองสมาชิก ดีโอ และ ไค โดยมาพร้อมกับอุดมการณ์ที่ต้องการกระจายรายได้ให้กับคนตัวเล็กที่กำลังเผชิญกับความลำบากจากสถานการณ์โควิด-19 ก่อเกิดเป็นโปรเจกต์ป้ายโฆษณาผ่านรถเข็นขายอาหารของร้านน้ำเต้าหู้และร้านลูกชิ้นทอด ที่มาพร้อมกับโควตเด็ดๆ ที่ใครๆ ต้องเหลียวมอง

 

“โปรเจกต์รถเข็นไคซู 2021 เป็นโปรเจกต์ที่ทำร่วมกับเพื่อน (แอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ @kairoro88) ค่ะ เป็นโปรเจกต์ที่ฉุกละหุกมาก เพราะตอนแรกคุยกันเล่นๆ ว่าช่วงเดือนมกราคม 2021 ถ้าทำป้ายแบบนี้น่าจะสนุกดี ทีนี้เพื่อนไฟแรงอยากทำมาก หลังจากคุยกันในคืนวันปีใหม่แล้วก็รีบทำเลยค่ะ เพราะอยากทำโปรเจกต์ให้ทันวันเกิดของพวกเขาคือวันที่ 12 และ 14 มกราคม เนื่องจากทั้งสองคนเกิดใกล้กันมาก เลยคิดว่าทำคู่กันไปเลยดีกว่า

 

“ส่วนตัวแล้วไม่เคยทำโปรเจกต์แบบนี้มาก่อนค่ะ แต่เคยร่วมทำโปรเจกต์วันเกิดของทั้งสองคนมาแล้วในรูปแบบของงานอีเวนต์ที่เป็นคาเฟ่วันเกิด แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 จึงทำให้แพลนคาเฟ่ที่คิดจะทำในปีนี้ล่มไป

 

“รวมถึงช่วงปี 2020 ที่ผ่านมามีการประท้วงเกิดขึ้นในประเทศไทย เราและเพื่อนมีอุดมการณ์เดียวกันคือจะพยายามสนับสนุนนายทุนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะปกติแล้วป้ายโปรเจกต์หน้าตาแบบนี้มักจะไปอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าหรือสถานีรถไฟใต้ดินที่มีคนไปเช่าป้ายเดือนละหมื่นกว่าบาทใช่ไหมคะ ทีนี้พอเราพยายามเลิกสนับสนุนด้วยการที่จะไม่จ่ายเงินให้กับค่าป้ายโฆษณาตรงนั้น เลยคุยกันว่าถ้าอย่างนั้นเราทำเป็นรถเข็นขายอาหารดีกว่า จะได้กระจายรายได้ให้กับชุมชนด้วย”

 

และด้วยความมุ่งมั่นในคืนวันปีใหม่ จึงทำให้ทั้งสองคนเปิดโดเนตให้ EXO-L (ชื่อแฟนคลับของ EXO) ที่สนใจและอยากเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ได้ร่วมกันสมทบทุน โดยมีกฎกติกาคือ 1 คนสามารถโดเนตได้ตั้งแต่ 1-100 บาท ซึ่งมีเป้าหมายคือยอดโดเนต 1,620 บาท สำหรับค่าทำป้ายและค่าเช่าพื้นที่รถเข็นขายอาหารเท่านั้น 

 

“ก่อนหน้านี้เราทวีตพรีวิวป้ายให้ดูแล้วว่าจะใช้ข้อความและภาพประมาณนี้ เลยทำให้คนที่โดเนตเองก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าหน้าตาป้ายจะออกมาประมาณไหน อย่างคำบนป้ายที่เขียนว่า ‘เข้าตามตรอก ออกจากกรมแล้ว’ และ ‘พูดไปสองไพเบี้ย สแกนเสีย นาทีทอง’ ก็เป็นไอเดียของเพื่อนที่เป็นคนทำป้ายค่ะ โดยตอนแรกเราคิดว่าจะเปิดโดเนตสัก 5 วัน แต่ทีนี้คนโอนเข้ามาเยอะมากก็เลยรีบปิด เพราะยอดเงินมันเกินเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้ ใช้เวลาโดเนตแค่ 40 กว่านาทีเองค่ะ และหลังจากแจกแจงค่าใช้จ่ายทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ทางเราได้นำเงินส่วนที่เหลือไปโดเนตต่อให้กับโปรเจกต์ #HelloAgainDO ที่เป็นโปรเจกต์เพื่อสังคมในนามของ โดคยองซู EXO ต่อไปค่ะ”

 

 

โดยทำเลของร้านน้ำเต้าหู้และร้านลูกชิ้นทอดที่ทั้งสองคนเลือกนั้นตั้งอยู่บริเวณสวนหลวงสแควร์ ย่านมหาวิทยาลัยที่มีนักเรียน นิสิตนักศึกษา และร้านดังกระจายตัวอยู่รอบๆ โดยที่พวกเธอหวังว่าจากบรรดาผู้คนที่เดินทางมาในละแวกดังกล่าว คงจะดีหากรถเข็นไคซูสามารถสะดุดตาใครหลายๆ คนและช่วยทำให้การค้าขายของพ่อค้าแม่ค้าในละแวกนั้นดีขึ้น

 

“ตอนแรกไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ไปที่ตลาดแล้วก็ถามเลยว่าถ้าเราจะขอเช่าพื้นที่ข้างหน้าร้านเล็กๆ ให้แปะป้ายจะเป็นไปได้ไหม และลองเสนอเขาราคาค่าเช่าเขาเท่ากับรถตุ๊กตุ๊ก คือเดือนละ 500 บาท ซึ่งเขาก็ตกลง และเพราะแถวนั้นมีร้านดังๆ เยอะ เลยคิดว่าถ้าบางคนไปกินข้าวแถวนั้นก็คงจะมีคนเห็นโปรเจกต์ของพวกเราบ้าง

 

“ทุกคนลำบาก ยิ่งโดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ตอนไปสอบถามกับตอนที่เอาป้ายไปติด เราถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นด้วยว่าช่วงนี้ขายดีไหม เขาก็บอกว่าตั้งแต่โควิด-19 ก็ขายได้ไม่ค่อยดีเลย แล้วยิ่งเด็กมหาวิทยาลัยปิดเทอม คนไม่ค่อยออกจากบ้าน ก็เลยยิ่งขายไม่ดี จึงทำให้คิดว่าเราคิดถูกแล้วที่มาช่วยกระจายรายได้ในส่วนตรงนี้ค่ะ”

 

โดย THE STANDARD POP ได้เข้าไปสอบถาม พัน เจ้าของร้านเกศรินน้ำเต้าหู้ ที่ประกอบอาชีพนี้มาเป็นเวลา 10 ปี ถึงความเปลี่ยนแปลงหลังจากมีป้ายโฆษณามาติดเป็นครั้งแรก 

 

“ตอนแรกน้องเขาเข้ามาซื้อของและถามว่าขอฝากป้ายนี้ได้ไหม ผมก็เลยบอกเขาว่าได้ครับ หลังจากติดป้ายก็พอจะมีลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาบ้าง และมีคนมองมาที่ร้านบ้าง ก็ทำให้ร้านค่อนข้างคึกคักกว่าเดิมอยู่ครับ”

 

ซึ่งการทำโปรเจกต์ในครั้งนี้เอง นอกจากจะได้ช่วยเหลือคนตัวเล็กตามที่ทั้งสองตั้งใจไว้แล้ว อีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่เธอแชร์ให้เราฟัง คือการที่พวกเธอได้รับฟีดแบ็กและพบเจอกับผู้คนและมิตรภาพดีๆ มากขึ้นจากโปรเจกต์นี้

 

“ฟีดแบ็กของโปรเจกต์ดีมากเลยค่ะ เนื่องจากมีแอ็กเคานต์ที่มีชื่อเสียงในด้อมลงรูปและรีทวีต เลยทำให้มีคนเห็นโปรเจกต์เยอะมากขึ้น มีแฟนๆ ชาวต่างชาติที่โควตทวีตไปด้วยว่าประเทศไทยมีโปรโมตศิลปินแบบนี้ด้วย น่ารักดี มีคนมาขอคอนแท็กร้าน ซึ่งเราก็ดีใจที่ผลตอบรับออกมาดีค่ะ 

 

“นอกจากนี้โปรเจกต์รถเข็นไคซูยังทำให้เราได้รู้จักกับคนดีๆ มากขึ้น เพราะปกติไม่เคยใช้บริการร้านทำป้าย เลยไม่รู้ว่าเขาทำงานกันอย่างไร แต่พวกพี่ๆ เขาเฟรนด์ลีมากๆ พ่อค้าแม่ค้าก็นิสัยดีค่ะ ไปคุยกับเขาเขาก็ให้ความร่วมมือดีมากเลย รวมถึงคนในชุมชนแถวนั้นด้วยที่แวะมาดูป้ายแล้วถามว่าใคร หล่อจัง สตรีทฟู้ดทำให้เข้าถึงคนได้เยอะเลยค่ะ”

 

FYI:

ดีโอ หรือ โดคยองซู และ ไค หรือ คิมจงอิน สองสมาชิกจากวง EXO ที่เดบิวต์ในปี 2012 และมีผลงานเพลงที่หลายคนคุ้นหูอย่าง MAMA, Growl, Overdose, Monster, Ko Ko Bop, Love Shot, Obsession ฯลฯ

 

โดย QR Code ที่ปรากฏอยู่บนป้ายโปรเจกต์ของ ดีโอ คือเพลง That’s Okay ซิงเกิลเพลงเดี่ยวภายใต้โปรเจกต์ SM Station ก่อนเข้ากรมของดีโอ (ปัจจุบันดีโอปลดประจำการเรียบร้อยแล้ว) 

 

และ QR Code ที่ปรากฏอยู่บนป้ายโปรเจกต์ของ ไค คือเพลง Mmmh เดบิวต์ซิงเกิลจากมินิอัลบั้มแรกของเขาที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2020 

 

ติดตาม ดีโอ ไค และวง EXO ได้ผ่านทาง

Facebook: @weareoneEXO

Instagram: @weareone.exo และ @zkdlin

Twitter: @weareoneEXO

 


 

 

โปรเจกต์: โปรเจคว้อดดูไอคอลยูสู้นายทุน

จัดทำโดย: @ThanksTN

แฮชแท็ก: #โปรเจคว้อดดูไอคอลยูสู้นายทุน

 

‘โปรเจคว้อดดูไอคอลยูสู้นายทุน’ จากแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ @ThanksTN SONE (โซวอน ชื่อแฟนคลับของ Girls’ Generation) ซึ่งติดตามผลงานของวง Girls’ Generation มานานกว่า 7 ปี ที่เริ่มต้นจากความต้องการโปรโมตเพลง What Do I Call You จากมินิอัลบั้มชุดที่ 4 ของ แทยอน สู่การเดินหน้าช่วยเหลือและส่งเสริมพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่ประสบปัญหาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้น

 

“ติดตามวง Girls’ Generation มาเป็นปีที่ 7 แล้วค่ะ นอกจากความสามารถแล้ว พวกเธอยังเป็นแรงบันดาลใจและเป็นไอดอลในการใช้ชีวิต ทำให้เราได้เข้าสู่โลกใบใหม่เหมือนชื่อเพลงเดบิวต์ Into the New World ในปี 2007 ช่วยทำให้เราขยันและตั้งใจเรียนหนังสือมากขึ้น รวมถึงตระหนักในประเด็นต่างๆ อย่าง Gender Inequality, Human Rights, Black Lives Matter ฯลฯ

 

“โดยที่มาของโปรเจกต์นี้เกิดจากความชอบในเพลง What Do I Call You ซึ่งเป็นเพลงโปรโมตในมินิอัลบั้มล่าสุดของแทยอนมาก เลยอยากจะแชร์ให้คนได้รู้จักหรือลองฟังเพลงที่ดีทั้งความหมายและดนตรีแบบนี้ จึงเกิดความคิดว่า ถ้าเราลองโปรโมตผ่านร้านค้าของแม่ค้าพ่อค้ารายย่อยจะดีไหม เพราะเวลาเราสั่งหรือซื้ออาหารบางออร์เดอร์ต้องใช้เวลาทำ ตรงจุดนี้ผู้ซื้อจะพอมีเวลาว่าง บางคนอาจจะสังเกตป้าย อ่านป้าย หรือถ้าพอมีเวลาอีกก็อาจจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาลองฟังเพลงจาก YouTube ผ่าน QR Code ที่เราแปะไว้ที่ป้ายค่ะ รวมถึงร้านของพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยแบบนี้จะมีกลุ่มตลาดที่กว้าง มีทั้งเด็ก วัยรุ่น คนทำงาน ผู้สูงอายุ แถมยังสามารถขับไปตามสถานที่ต่างๆ ได้ด้วยค่ะ” 

 

 

จาก ‘ความคิด’ สู่การ ‘ลงมือทำ’ จึงทำให้เธอเริ่มลงมือสานต่อโปรเจกต์จนทำให้ได้รู้จักกับ ปาน (แอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ @valvewow38) ซึ่งเป็นคนกลางที่คอยประสานงานระหว่างแฟนคลับและร้านค้าต่างๆ และทำให้โปรเจกต์ ‘โปรเจคว้อดดูไอคอลยูสู้นายทุน’ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

 

“หลังจากเสิร์ชในทวิตเตอร์เกี่ยวกับโปรเจกต์ของแต่ละด้อม ก็ทำให้ได้รู้จักกับคุณปาน ที่คอยประสานงานระหว่างแฟนคลับและร้านค้าต่างๆ ให้ จึงลองทักไปดูค่ะ เรารีเควสต์เรื่องทำเลไปก่อนว่าอยากได้ละแวกที่มีคนเยอะๆ เนื่องจากเป็นการโปรโมตเพลง และอยากให้มีในฝั่งธนด้วยสักหนึ่งร้าน คุณปานก็แนะนำมาว่าเป็นแถวลาดพร้าวหรือตามสถานีรถไฟฟ้าดีไหม ส่วนฝั่งธนก็เป็นแถวท่าน้ำนนท์

 

“ส่วนการเลือกร้าน คุณปานจะไปสอบถามพ่อค้าแม่ค้าก่อนว่าสะดวกไหมหากเราจะขอจ้างติดป้าย ต้องการราคาประมาณเท่าไร เป็นเจ้าของเองหรือเปล่า วัตถุดิบมาจากบริษัทไหน เส้นทางการขับรถเป็นอย่างไร แล้วหลังจากนั้นคุณปานจึงจะเอามาเสนอให้เราลองเลือกดูค่ะ รวมถึงเราลองทวีตในทวิตเตอร์ของตัวเองดูว่ามีคนสนใจร่วมทำด้วยไหม ซึ่งผลปรากฏว่าผลตอบรับค่อนข้างดี จึงทำการเปิดโดเนตและนำเงินที่ได้มารวมกับทุนส่วนตัวจำนวนหนึ่งเพื่อทำโปรเจกต์นี้ขึ้นมาค่ะ

 

“โดยที่มาของชื่อโปรเจกต์มาจากชื่อเพลงของแทยอนเลย แต่เอามาทับศัพท์เป็น ‘ว้อดดูไอคอลยู’ เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและการเข้าถึงของคนไทย เนื่องจากเป็นโปรเจกต์ในไทย ส่วนที่มาของคำว่า ‘สู้นายทุน’ มาจากตอนนี้สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ร้านค้ารายย่อยขายไม่ค่อยดีเท่าแต่ก่อน เนื่องจากคนส่วนมากหันไปใช้บริการครบวงจรอย่างห้างสรรพสินค้าที่เป็นของนายทุนมากกว่า

 

“แถมมาตรการ Work from Home ยังส่งผลให้จำนวนคนออกไปทำงานน้อยลง รายได้ของแม่ค้าพ่อค้าที่ได้จากมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นหลังเลิกงานของพนักงานก็ลดลงไปด้วย และส่วนมากร้านค้ารายย่อยอย่างรถพ่วง รถเข็น หรือแม้แต่ร้านตั้งโต๊ะบางร้านเองก็ไม่ได้ทำการผูกร้านค้ากับแอปพลิเคชันบริการส่งอาหารต่างๆ ทำให้ยากต่อการสั่งซื้อ เราจึงอยากส่งเสริมและช่วยเหลือแม่ค้าพ่อค้ารายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าประเภทรถพ่วง รถเข็น ไม่มากก็น้อยค่ะ”

 

ภายหลังจากการติดต่อประสานงานทุกภาคส่วนเสร็จครบถ้วนทุกกระบวนการแล้ว จึงทำให้ ‘โปรเจคว้อดดูไอคอลยูสู้นายทุน’ ได้ฤกษ์กระจายตัวไปตามสถานที่ต่างๆ ตามเป้าหมายที่วางไว้ทั้งหมด 7 ร้านในละแวกลาดพร้าว, ห้วงขวาง และท่าน้ำนนท์ ผ่านป้ายโฆษณาสีสันสดใสโดดเด่น พร้อม QR Code ที่ลิงก์ไปยังเพลง What Do I Call You ตามความตั้งใจที่วางเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งทั้งหมดใช้งบเพียงแค่หลักพัน!

 

“ส่วนตัวแล้วเคยทำโปรเจกต์วันเกิดของแทยอนที่ติดในสถานีรถไฟใต้ดินกับพี่ๆ ในทีมเมื่อต้นปี 2020 ค่ะ แต่สำหรับโปรเจกต์นี้ งบที่ใช้ลดลงไปมาก จากหลักหมื่นเป็นหลักพัน ซึ่งต้นทุนในการทำโปรเจกต์จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่งคือค่าเช่าที่ตกประมาณร้านละ 700-800 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับร้านและประเภทของร้านว่าเขาต้องการประมาณเท่าไร ส่วนที่สองคือค่าผลิต ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาดของป้ายที่สั่งทำและวัสดุที่ต้องการค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับทางร้านด้วยว่าสะดวกให้ติดป้ายจากวัสดุแบบไหนมากกว่ากัน

 

“นอกจากต้นทุนที่ลดลงแล้ว ปริมาณของป้ายยังได้จำนวนที่เพิ่มมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มคนได้หลากหลายและทั่วถึง แถมยังได้ช่วยแม่ค้าพ่อค้า เป็นการสร้างช่องทางหารายได้เพิ่มขึ้นให้กับคนกลุ่มหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจในตอนนี้ ความรู้สึกในการทำโปรเจกต์ก็เปลี่ยนไป ตอนที่ได้เห็นรอยยิ้มของแม่ค้าพ่อค้าก็ทำให้รู้สึกยินดีและดีใจร่วมไปกับเขาด้วย จึงทำให้เป้าหมายของเราเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน จากตอนแรกที่การโปรโมตศิลปินผ่านโปรเจกต์ปกติคือการแสดงออกให้ศิลปินและคนกลุ่มหนึ่งเห็นถึงความรักของแฟนคลับ แต่เป้าหมายในตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นการส่งผ่านความรักของแฟนคลับที่มีต่อศิลปินสู่กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งให้เขาได้มีความสุขไปพร้อมๆ กับเรา เพื่อแสดงให้เห็นว่าความรักที่เรามีให้ศิลปินต่างชาติไม่ใช่แค่ความรักธรรมดา แต่เป็นความรักที่อยากจะทำให้ทุกอย่างพัฒนาไปพร้อมๆ กัน

 

“ถึงแม้การแก้ไขปัญหาตรงจุดนี้จะไม่ใช่หน้าที่ของเรา แต่เราอยากแสดงให้เห็นว่า คนตัวเล็กๆ ที่รวมตัวกันก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมเพื่อนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ เราหวังว่าการทำโปรเจกต์นี้จะช่วยกระจายรายได้และเป็นการแสดงให้เห็นถึงวิธีการหนึ่งในการสนับสนุนรายย่อยผ่านวิธีการของแฟนคลับอย่างเราค่ะ”

 

ซึ่งเมื่อสอบถามไปยังพ่อค้าแม่ค้าที่ติดป้ายโปรเจกต์ คำพูดเพียงไม่กี่คำของพวกเขาสะท้อนให้เห็นถึงความจริงและความหวังเล็กๆ ในการทำมาหากินแต่ละวันที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ตอนนี้ 

 

“ปีนี้แย่ แย่ที่สุด ปกติวันเสาร์-อาทิตย์ผมขายได้เป็นพัน แต่เดี๋ยวนี้ได้แค่ 300-400 บาท คนไม่อยากออกจากบ้านกัน พอโรงเรียนปิดเทอม เด็กๆ ไม่มาเรียน รายได้ก็หาย เนื่องจากผู้ปกครอง ครู ภารโรงเองก็หายกันไปหมด เงียบเลยครับ อยากให้มีป้ายโปรเจกต์มาติดอีกครับ เพราะพอติดป้ายก็มีแฟนคลับมาตาม มาซื้อบ้าง” เสียงแห่งความหวังเล็กๆ จาก สำรวย พ่อค้าขายลูกชิ้นบริเวณเซ็นทรัล ลาดพร้าว ที่เอ่ยถึงธุรกิจของเขาที่ต้องสะดุดลงหลังจากดำเนินมากว่า 20 ปี

 

เช่นเดียวกับ กร พ่อค้าในละแวกเดียวกันที่เผยกับเราว่า “ช่วงโควิด-19 ยอดตกลงไปครึ่งหนึ่งเลยครับ แม้ส่วนตัวเราจะมีลูกค้าประจำอยู่ประมาณ 80% แต่พอมีป้ายโปรเจกต์ก็ทำให้มีวัยรุ่นมาอุดหนุน หรือขาจรที่เดินผ่านมาก็สะดุดตากับป้ายมากขึ้นครับ”

 

 

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ค่อยๆ กลายเป็นแรงกระเพื่อมวงกว้างมากขึ้น ที่ไม่เพียงแต่ได้รับความสนใจจากแฟนๆ ในประเทศไทยเท่านั้น แต่การส่งออกหนึ่งในเอกลักษณ์การใช้ชีวิตของคนไทยผ่านรถพ่วงขายอาหารหรือสตรีทฟู้ด ยังเรียกความสนใจจากแฟนๆ ต่างชาติ ไปจนถึงการส่งเสียงให้รัฐบาลได้เข้ามาจัดการ พัฒนา และส่งเสริมพ่อค้าแม่ค้าที่กำลังเผชิญกับวิกฤตเสียที

 

“กระแสตอบรับของโปรเจกต์ค่อนข้างดีทั้งจากในด้อมและนอกด้อมเลยค่ะ มีคนทักเข้ามาถามช่องทางการติดต่อร้านค้าเยอะมากทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ คนในด้อมยังติดต่อมาอีกว่าถ้ามีโปรเจกต์ที่สนับสนุนร้านค้ารายย่อยแบบนี้อีกให้ทักมาชวนด้วย

 

“เสียงตอบรับจากพ่อค้าแม่ค้าก็ค่อนข้างดีมากเช่นกันค่ะ ร้านน้ำเต้าหู้ขายดีขึ้นมากจนร้านข้างเคียงที่ตอนแรกไม่สนใจติดป้าย ตอนนี้ถามแล้วว่าถ้ามีอีกเขาสนใจติดด้วย ร้านขายลูกชิ้นทอดตรงเซ็นทรัล ลาดพร้าว ก็บอกว่าขายดีกว่าเดิมเยอะค่ะ จากตอนแรกขายไม่หมดตู้ ตอนนี้ก็เริ่มฟื้นตัวพอสมควรแล้ว ร้านปลาหมึก คุณป้าบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนร่มใหม่ได้แล้ว ร่มพังมานานแล้วแต่ไม่กล้าเปลี่ยนเพราะเปลืองเงิน ที่ยอดขายของแต่ละร้านเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะมีแฟนคลับบางคนตามไปซื้อจากการติดป้ายศิลปิน พ่อค้าแม่ค้ายังฝากมาบอกอีกว่า หวังว่าโปรเจกต์แบบนี้จะมีมาทุกเดือน อย่างน้อยก็ได้ค่าเช่าและยอดเพิ่มวันละ 100-200 บาทเขาก็โอเคแล้ว

 

“และถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้แฟนคลับจากแฟนด้อมต่างๆ รวมถึงบุคคลทั่วไปหันมาสนับสนุนพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยมากขึ้น ให้การทำโปรเจกต์ครั้งนี้เป็นการเปิดแนวทางการจ้างร้านค้าต่างๆ เพื่อกระจายรายได้ไปสู่คนตัวเล็กไปพร้อมกับการได้โปรโมตศิลปินที่เรารักไปพร้อมๆ กัน รวมถึงเป็นการส่งเสียงไปถึงรัฐบาลว่าควรเข้ามาจัดการ พัฒนา และส่งเสริมพ่อค้าแม่ค้าในจุดนี้ได้แล้ว เร่งลดอัตราการผูกขาดตลาดในประเทศไทยให้สมกับที่ประชาชนอย่างเราเสียภาษีไปทุกบาททุกสตางค์ เหมือนกับเงินโดเนตทุกบาททุกสตางค์ที่เราได้รับมา เพราะหน้าที่ตรงนี้ไม่ควรจะเป็นการสนับสนุนหลักจากประชาชนด้วยกันเอง แต่ควรจะเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่มีงบประมาณในส่วนนี้เข้ามาแก้ไขปัญหา การช่วยจากประชาชนด้วยกันเองควรจะเป็นความเต็มใจและเป็นเพียงทางเลือก ไม่ใช่การริเริ่มและรู้สึกสิ้นหวังจนลุกขึ้นมาทำเองค่ะ

 

“ส่วนตัวในอนาคตอยากเห็นโปรเจกต์โปรโมต 77 จังหวัด ไม่ว่าจะเป็นรถแห่ รถสองแถว รถแดง รถกระป๊อ รถสามล้อ รถม้า รถประเภทต่างๆ หรือร้านค้าประเภทต่างๆ ทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทยค่ะ ถ้าทำได้คงจะเป็นโปรเจกต์ที่สวยงามและสร้างรอยยิ้มให้กับหลายคนได้แน่ๆ

 

“หรือจะเป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากการ Collab กันระหว่างศิลปินในการทำงานอาร์ตต่างๆ ในแฟนด้อมกับสินค้า OTOP ของแต่ละจังหวัด เพื่อส่งเสริมการกระจายรายได้ให้กับผู้ผลิตรายย่อยนอกเหนือจากวงการอาหาร ที่ตรงส่วนนี้เองก็ควรจะเติบโตและสามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้หากได้รับการสนับสนุนที่ดีและเหมาะสมจากองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องค่ะ”

 

FYI:

แทยอน วง Girls’ Generation หัวหน้าวงและนักร้องเสียงหลัก เดบิวต์ในปี 2007 ด้วยเพลง Into the New World ก่อนที่วงจะประสบความสำเร็จและมีเพลงฮิตและท่าเต้นอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง Gee, Oh!, Genie, Run Devil Run, Hoot, The Boys, I Got A Boy, Lion Heart ฯลฯ โดย แทยอน เริ่มมีผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยว ซึ่งเดบิวต์ในปี 2015 ที่ล่าสุดเพิ่งปล่อยมินิอัลบั้มชุดที่ 4 What Do I Call You ออกมาเมื่อเดือนธันวาคม 2020

 

ติดตาม แทยอน ได้ผ่านทาง

Instagram: @taeyeon_ss

YouTube: GIRLS’ GENERATION

 


 

 

โปรเจกต์: BOB_SUNGJIN BIRTHDAY PROJECT

จัดทำโดย: @Sungjin_TH

แฮชแท็ก: #29thBOBTHELEADER

 

หลังจากได้พูดคุยกับ ปาน เจ้าของแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ @valvewow38 ที่รับทำป้ายและช่วยประสานงานระหว่างแฟนคลับและพ่อค้าแม่ค้าให้กับหลายโปรเจกต์ในช่วงนี้ เธอได้แนะนำให้ THE STANDARD POP มาร่วมติดตามโปรเจกต์ ‘BOB_SUNGJIN BIRTHDAY PROJECT’ จากแอ็กเคานต์ @Sungjin_TH โปรเจกต์วันเกิดของ พัคซองจิน วง DAY6 หรือที่ My Day (ชื่อแฟนคลับ DAY6) เรียกว่า บ๊อบ (มีที่มาจากตัวละครจากทีวีซีรีส์เด็กเรื่อง Bob the Builder ที่มีความคล้ายกับพัคซองจิน) ซึ่งกำลังมีโปรเจกต์ป้ายโฆษณาอยู่ที่สุขุมวิท 21 ซอย 1 ระหว่างวันที่ 6 มกราคม-6 กุมภาพันธ์ 2021

 

โดยป้ายโฆษณาดังกล่าวนี้นับเป็น 1 ใน 3 Chapter ของ ‘BOB_SUNGJIN BIRTHDAY PROJECT’ (พัคซองจินเกิดวันที่ 16 มกราคม) ซึ่งแบ่งออกเป็น

 

Chapter 1: Birthday Gifts ที่ชวน My Day นำ Denimalz (คาแรกเตอร์ซึ่งเป็นตัวแทนของเมมเบอร์ DAY6) มาถ่ายรูปกับอาหารที่ชอบ พร้อมติดแฮชแท็ก #LGE_WITH밥선생 เพื่อลุ้นของขวัญพิเศษและสเปรย์แอลกอฮอล์ โดยมีระยะเวลาร่วมกิจกรรมระหว่างวันที่ 1-16 มกราคม 2021

 

Chapter 2: Tuk Tuk Event กับการทำป้ายโปรเจกต์วันเกิดติดท้ายรถตุ๊กตุ๊ก 3 คัน ที่จะวิ่งอยู่ในละแวกมาบุญครอง, หัวลำโพง, เยาวราช ฯลฯ โดยมีระยะเวลาติดป้ายโปรเจกต์ระหว่างวันที่ 6 มกราคม-6 กุมภาพันธ์ 2021 

 

Chapter 3: CIA OOOO— Event กับป้ายโปรเจกต์วันเกิดติดหน้ารถลูกชิ้นทอด โดยมีระยะเวลาติดป้ายโปรเจกต์ระหว่างวันที่ 6 มกราคม-6 กุมภาพันธ์ 2021 

 

 

ซึ่งระหว่างที่ THE STANDARD POP กำลังเก็บภาพของรถลูกชิ้นทอดนั้น เราได้พูดคุยกับ มาย My Day ที่เดินทางมาถ่ายภาพและอุดหนุนลูกชิ้นทอดจากรถโปรเจกต์ถึงความรู้สึกและความคิดเห็นจากมุมมองของแฟนคลับ ที่การทำโปรเจกต์ในปัจจุบันเริ่มมีการกระจายตัวมาสู่ธุรกิจแบบโลคัลมากขึ้น

 

“รู้สึกดีที่โปรเจกต์ป้ายโฆษณาได้มีส่วนช่วยธุรกิจแบบโลคัลค่ะ เพราะอย่างรถลูกชิ้นทอดหรือรถเข็นอาหารต่างๆ แบบนี้ทุกคนที่เดินผ่านมาสามารถเห็นและซื้อได้ เข้าถึงง่ายกว่าการที่เราไปสนับสนุนนายทุนใหญ่ เพราะอย่างนายทุนใหญ่เช่นสถานีรถไฟฟ้า แฟนๆ อาจจำเป็นที่จะต้องเข้าไปข้างในสถานีเพื่อที่จะได้เห็นโปรเจกต์ แต่สำหรับโปรเจกต์แบบนี้ส่วนตัวคิดว่าทุกคนไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับหรือไม่ใช่แฟนคลับก็สามารถพบเห็นได้ และอาจจะช่วยเรียกความสนใจให้กับศิลปินของเรามากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นบ้านเบสก็สามารถทำได้ เพราะราคาไม่ได้สูงมากในการทำแต่ละโปรเจกต์ค่ะ

 

“ส่วนที่ถามว่าในอนาคตอยากเห็นโปรเจกต์รูปแบบไหนนั้น ส่วนตัวอยากเห็นทั้งสองแบบเลยค่ะ ทั้งแบบรายย่อยและรายใหญ่ที่อาจจะต้องเลือกนิดหนึ่ง เพื่อที่จะให้ทุกคนได้เห็นกันอย่างทั่วถึง และจะได้เป็นการช่วยโปรโมตศิลปินของเราด้วยค่ะ”

 

ในขณะที่ ชัด กันทะสอน พ่อค้าขายลูกชิ้นทอดที่ประกอบอาชีพนี้มากว่า 10 ปีเผยกับเราว่า “ปกติตรงนี้คนเยอะมาก แต่วันนี้ค่อนข้างเงียบ ก่อนล็อกดาวน์ก็พอที่จะขายได้ครับ แต่ตอนนี้เงียบกว่าครั้งแรก ช่วงโควิด-19 ทำให้รายได้ของผมหายไปกว่า 40% เลยครับ การมีป้ายโฆษณาติดหน้ารถก็พอที่จะช่วยผมได้เพิ่มขึ้นนิดหน่อย อยากให้มีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เลยครับ” 

 

FYI:

พัคซองจิน หนึ่งในสมาชิกวง DAY6 ที่ควบตำแหน่งหัวหน้าวงและกีตาร์ มิวสิกแบนด์วงแรกจากค่าย JYP Entertainment ที่เดบิวต์ในปี 2015 โดยมีเพลง Congratulations จากมินิอัลบั้ม The Day เป็นเพลงเดบิวต์ ก่อนจะมีผลงานเพลงตามมาอีกมากมาย อาทิ Letting Go, I Wait, You Were Beautiful, DANCE DANCE, I Loved You, I Like You, Shoot Me, Best Part, Sweet Chaos, Zombie ฯลฯ

 

ติดตาม พัคซองจิน และวง DAY6 ได้ผ่านทาง

Facebook: @day6official 

Instagram: @day6kilogram

Twitter: @DAY6_BOBSUNGJIN และ @day6official

 


 

โปรเจกต์: Tumcial 30th Still Cool

จัดทำโดย: @StillCoolOff

แฮชแท็ก: #Tumcial30thStillCool #ทัมเชียล30ยังแจ๋ว

 

ส่งท้ายการกระจายความสุขไปกับโปรเจกต์จากแฟนด้อมไทยของ ออฟ-จุมพล อดุลกิตติพร ป่าปี๊ของเบบี๋ (ชื่อแฟนคลับของ ออฟ-กัน) ที่จัดทำโปรเจกต์วันเกิดของออฟที่เกิดในวันที่ 20 มกราคม ด้วยโปรเจกต์ที่ช่วยกระจายรายได้สู่รายย่อยและชุมชนที่หลากหลาย ซึ่งมาพร้อมกับของตอบแทนพิเศษหลังช่วยอุดหนุนสินค้าหรือบริการต่างๆ อาทิ โปรเจกต์ป้ายวันเกิดหน้าร้านลูกชิ้นปิ้ง, ร้านลูกชิ้นนึ่ง, ร้านขนมเบื้อง, ร้านก๋วยเตี๋ยว, ร้านข้าวไข่เจียว, ร้านกล้วยทอดและไข่เต่า, ร้านน้ำเต้าหู้, ร้านส้มตำ ฯลฯ ที่เพียงแค่อุดหนุนขั้นต่ำ 40 บาท ก็จะได้รับโฟโต้การ์ดจากโปรเจกต์ 1 ใบทันที เป็นอีกหนึ่งการช่วยกระตุ้นยอดขายของแต่ละร้านที่สร้างความสนุกและคึกคักให้กับแฟนๆ ที่จะได้ร่วมช่วยเหลือคนตัวเล็กที่กำลังประสบกับปัญหาจากโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี

 

 

และกับโปรเจกต์ที่ THE STANDARD POP มีโอกาสได้เข้าไปเก็บภาพและสอบถามข้อมูลนั้น คือโปรเจกต์ป้ายวันเกิดท้ายรถตุ๊กตุ๊ก ที่เบบี๋จัดเต็มติดป้ายท้ายรถตุ๊กตุ๊กรวมกว่า 25 คันในโซนอโศกและสุขุมวิท พร้อมกับกิจกรรมน่ารักๆ ที่เพียงแค่ใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กที่มีป้ายโปรเจกต์ก็สามารถรับโฟโต้การ์ด 1 ใบได้ทันทีเช่นกัน

 

 

โดย แจ๊ค หนึ่งในคนขับรถตุ๊กตุ๊กบริเวณอโศกประสบการณ์ 10 ปี บอกเล่าให้เราฟังถึงความยากลำบากที่เกิดขึ้นว่า “ตั้งแต่มีโควิด-19 ทำให้ตอนนี้รถตุ๊กตุ๊กที่เห็นส่วนใหญ่เป็นรถตุ๊กตุ๊กของตัวเอง ซึ่งมีอยู่น้อยมาก เพราะคนขับส่วนใหญ่กลับบ้านกันไปหมดแล้วเพราะสู้ไม่ไหว อย่างรถตุ๊กตุ๊กในกรุงเทพฯ นั้นจริงๆ มีอยู่ประมาณ 7,000 คัน ซึ่งกว่า 80% เป็นของอู่ ที่เหลือถึงเป็นของคนขับครับ” 

 

ซึ่งการเข้ามาของกลุ่มแฟนคลับของ ออฟ จุมพล ในครั้งนี้นั้น นอกจากการช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนในหลากหลายอาชีพที่มีให้แฟนๆ ได้เลือกใช้ เลือกช้อปมากมายทั้งคาว-หวานแล้ว โซเชียลมีเดียอย่างทวิตเตอร์ก็ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เหล่าเบบี๋ช่วยกันผลักดันและกระจายข่าวสารของโปรเจกต์ พร้อมกับรีวิวน่ารักๆ ที่แต่ละคนโพสต์ภาพพร้อมแคปชันหลังจากไปอุดหนุนบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่เข้าร่วมโปรเจกต์ เป็นอีกภาพประทับใจที่สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ 

 

 

รวมถึงภาพน่ารักๆ ของลุงคนขับรถตุ๊กตุ๊กคนหนึ่งที่กำลังเอาแบงก์ร้อยมาแตะๆ บนรูปของ ออฟ จุมพล เพื่อเรียกทรัพย์ ที่เราได้บันทึกไว้ “เป็นครั้งแรกเลยครับที่มีป้ายมาติด ช่วยลุงได้มากเลย เพราะวิ่งมา 2 วันแล้วไม่มีลูกค้าเลยครับ…แต่ป้ายเขาดีนะ คนเขาหล่อ”

 

FYI:

ออฟ-จุมพล อดุลกิตติพร พิธีกรและนักแสดงจาก GMM TV ที่เริ่มต้นบทบาทในวงการบันเทิงจากการเป็นพิธีกรรายการ Five Live Fresh ของช่อง BANG Channel และเริ่มปรากฏตัวผ่านผลงานซีรีส์ในปี 2013 อย่าง Hormones วัยว้าวุ่น, Room Alone 401-410, Wifi Society, Ugly Duckling รักนะเป็ดโง่ ก่อนที่ปี 2017 บทบาทของ ปิ๊ก จากซีรีส์วายเรื่อง รุ่นพี่ Secret Love ตอน Puppy Honey ที่เขาแสดงคู่กับ กัน-อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์ จะส่งให้ออฟโด่งดังและกลายเป็นหนึ่งในคู่จิ้นแห่งปีและมีผลงานตามมาอีกมากมาย อาทิ Theory of Love ทฤษฎีจีบเธอ, Girl Next Room หอนี้ชะนีแจ่ม, คนละทีเดียวกัน I’m Tee, Me Too ฯลฯ

 

ติดตาม ออฟ-จุมพล อดุลกิตติพร ได้ผ่านทาง

Instagram: @tumcial

Twitter: @off_tumcial

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X