×

Falcon Heavy จรวดยักษ์ที่ล้ำที่สุดในโลกเวลานี้

06.02.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins read
  • บริษัทเทคโนโลยีอวกาศ SpaceX เตรียมปฏิบัติภารกิจปล่อยจรวดยักษ์ ‘Falcon Heavy’ ในวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ ช่วง 13.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา) เพื่อทดสอบการทำงานของจรวด
  • อีลอน มัสก์ (Elon Musk) และ SpaceX ตัดสินใจนำรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า Roadster ขึ้นไปเป็นหนูทดลองในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้
  • หน่วยงานอวกาศทุกแห่งให้ความสนใจภารกิจในครั้งนี้ของ SpaceX เป็นพิเศษ เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีกับโอกาสที่มนุษย์จะเดินทางกลับไปปฏิบัติภารกิจที่ดวงจันทร์และดาวอังคารอีกครั้ง หลังภารกิจสำรวจดวงจันทร์ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 1972 กับอะพอลโล 17

2-3 วันที่ผ่านมานี้ สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งโดยเฉพาะเว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยีดูจะให้ความสนใจกับภารกิจปล่อยจรวดลำยักษ์ ‘Falcon Heavy’ ของบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ SpaceX ในวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ช่วง 13.30 น. เป็นพิเศษ (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา) ทั้งๆ ที่ตลอดปีพวกเขาได้ปล่อย Falcon 9 เพื่อนำดาวเทียมเข้าวงโคจรเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว

 

ยิ่งใหญ่แค่ไหนคงไม่ต้องสืบ เพราะแม้แต่เจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezoes) ประธานบริหาร Amazon และผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีอวกาศฝั่งคู่แข่ง Blue Origin ก็ยังทวีตมาอวยพรอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ให้โชคดีมีชัย และประสบความสำเร็จกับภารกิจครั้งนี้

 

เพื่ออธิบายให้เห็นภาพความสำคัญและความยิ่งใหญ่ของภารกิจปล่อยจรวดยักษ์ที่จะเกิดขึ้นคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจของ Falcon Heavy มาให้เรียบร้อยแล้ว

 

 

Falcon Heavy จรวดลำยักษ์ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก ณ เวลานี้

จรวดที่ SpaceX นำออกปฏิบัติภารกิจบ่อยที่สุดคือ Falcon 9 แต่สำหรับ Falcon Heavy ว่ากันว่ามันคือจรวดที่ทรงประสิทธิภาพและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ เวลานี้ (นับเฉพาะจรวดที่ยังปฏิบัติการได้อยู่) แซงหน้าจรวด Saturn V ของนาซาที่เคยใช้เดินทางไปยังดวงจันทร์และปลดระวางในช่วงยุค 70s ไปแล้ว

 

 

Falcon Heavy เป็นจรวดขนาดมโหฬารที่สุดของโลก มีขนาดความสูง 70 เมตร กว้าง 12.2 เมตร ใช้บูสเตอร์ 2 ส่วนขนาบข้าง (ถ้านับรวมส่วนกลางก็จะเป็น 3 บูสเตอร์) น้ำหนักไม่รวมสัมภาระอยู่ที่ 1,420,788 กิโลกรัม ใช้แรงขับปล่อยจรวดมากกว่า 5 ล้านปอนด์ หรือเทียบเท่ากับกำลังเต็มสูบของเครื่องบิน Boeing 747 จำนวน 18 ลำ! สามารถเดินทางไปดวงจันทร์และดาวอังคารได้สบายๆ

 

มันถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นยานพาหนะนำมนุษย์เดินทางท่องอวกาศ และยังลำเลียงสัมภาระถึงวงโคจรที่ต่ำที่สุดจากโลก (LEO) ได้กว่า 63,800 กิโลกรัม มากกว่า Space Shuttle ของนาซาที่เคยปฏิบัติภารกิจครั้งล่าสุดในปี 2011 ซึ่งบรรทุกสัมภาระไปยัง LEO ได้แค่ 27,500 กิโลกรัมเท่านั้น

 

แล้วด้วยจุดประสงค์ในการผลิตจรวดให้ใช้งานได้บ่อยครั้งที่สุด ต้องสามารถนำกลับมาใช้ปฏิบัติภารกิจได้อีกครั้ง (Reusability) ต้นทุนที่ใช้พัฒนาต่อลำจึงอยู่ที่ประมาณ 90 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.8 พันล้านบาท

 

 

ปล่อยจากไหน จุดหมายปลายทางคือที่ใด แล้วเอารถสปอร์ตสีแดงสดไปทำไม?

Falcon Heavy จะปล่อยออกจากแหลมคานาเวอรัล (Cape Canaveral) ศูนย์อวกาศเคนเนดี (NASA Kennedy Space Center) รัฐฟลอริดาในวันอังคารนี้เวลาประมาณ 13.30-16.00 น.

 

ซึ่งถ้าจะว่ากันตามความเป็นจริง ภารกิจหลักในครั้งนี้ของ Falcon Heavy ก็คือการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของตัวจรวด เพื่อนำสัมภาระปล่อยเข้าสู่วงโคจร  Hohmann ใกล้ๆ กับดวงอาทิตย์และดาวอังคาร โดยที่ตัวจรวดต้องไม่ระเบิด นี่จึงเป็นสาเหตุที่อีลอน มัสก์และ SpaceX เลือกนำ Tesla Roadster รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันแดงพร้อม ‘Starman’ พลขับ (หุ่น) ในชุดอวกาศขึ้นไปเป็นหนูทดลองยานเพื่อสร้างสีสัน

 

และถ้าภารกิจในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ บริษัทเพื่อการสื่อสารและการคมนาคมหลากหลายแห่งจากทั่วทุกมุมโลกก็ได้ติดต่อ SpaceX เพื่อจ้างให้นำดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรล่วงหน้าไว้แล้ว

 

แต่หากภารกิจครั้งนี้ล่ม The Verge ก็วิเคราะห์ไว้ว่ามันจะไม่ได้สร้างความเสียหายให้โลก แต่ผลที่ตามมาคือชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในแบรนด์ SpaceX ที่ลดลง แสดงให้เห็นว่าพวกเขายังต้องทดสอบ Falcon Heavy อีกมากกว่าจะนำออกปฏิบัติภารกิจจริงได้ เช่นเดียวกับความหวังของมวลมนุษยชาติทั่วโลกในการเดินทางไปสำรวจดาวอังคารที่อาจจะยืดเวลาออกไปอีกสักระยะ

 

ฝั่งมัสก์เองก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าโอกาสสำเร็จและล้มเหลวของภารกิจนี้เท่ากันที่ 50% : 50% นั่นแสดงว่าทั้ง SpaceX และคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรอย่างเราก็ต้องมาร่วมลุ้นผลลัพธ์ของภารกิจนี้ไปพร้อมๆ กัน

 

 

หนทางกลับคืนสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร

แน่นอนว่าหากภารกิจครั้งนี้สำเร็จ นอกจาก SpaceX จะเตรียมนำดาวเทียมจากผู้ว่าจ้างนานาประเทศเข้าสู่วงโคจรในอนาคตได้แล้ว พวกเขายังมีโอกาสที่จะปฏิบัติภารกิจเดินทางไปยังดวงจันทร์และดาวอังคารในเร็ววันนี้ได้อีกด้วย หลังภารกิจที่มนุษย์นำยานอวกาศลงจอดบนดวงจันทร์ครั้งล่าสุดต้องย้อนกลับไปในปี 1972 กับยานอะพอลโล 17 (Apollo 17)

 

“นาซาอาจจะตัดสินใจใช้ Falcon Heavy เป็นกลยุทธ์ที่เร็วที่สุดในการเดินทางกลับไปยังดวงจันทร์และดาวอังคาร” อีริก ซีดเฮาส์ (Erik Seedhouse) ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาวิทยาศาสตร์การบินประยุกต์ประจำมหาวิทยาลัย Embry-Riddle Aeronautical ให้ความเห็น

 

สอดคล้องกับมุมมองของเจสัน เดวิส (Jason Davis) จากองค์กร The Planetary Society ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับดาวเคราะห์และอวกาศโดยไม่แสวงผลกำไรว่า การปล่อยจรวดในครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มากๆ แม้แต่กับบริษัทยานอวกาศที่ประสบความสำเร็จมากๆ เองก็ตาม พร้อมทั้งนิยาม Falcon Heavy ว่าเป็นสิ่งที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย

 

โดยสามารถรับชมภารกิจครั้งนี้ได้แบบสดๆ ทาง www.spacex.com

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising