ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่าการประกาศก่อกบฏและพยายามทำรัฐประหารของกองทหารรับจ้างแวกเนอร์ (Wagner) ของรัสเซีย ที่เคลื่อนพลเข้ายึดครองจุดยุทธศาสตร์ทางทหารในเมืองรอสตอฟออนดอน (Rostov-on-Don) ซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลดำและเมืองโวโรเนซ (Voronezh) ซึ่งอยู่ทางใต้ของกรุงมอสโก 482 กิโลเมตรได้แล้ว อาจส่งผลให้ราคาธัญพืชและน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นทันทีที่มีการเปิดตลาดในวันจันทร์ (26 มิถุนายน)
Tatiana Orlova หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Oxford Economics ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับรัสเซีย กล่าวว่า รอสตอฟออนดอนเป็นเมืองติดชายทะเลอาซอฟ (Azov) ที่มีความสำคัญในเชิงภูมิศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเมืองนี้ถือเป็นฮับในการส่งออกข้าวสาลีและข้าวโพดของรัสเซีย หากการส่งออกธัญพืชเหล่านี้ไม่สามารถทำได้ตามปกติ ก็จะส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานโลกกดดันให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“รัสเซียถือเป็นผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลก หากอุปทานจากรัสเซียหายไปจากตลาด ผลกระทบจะกระจายออกไปทั่วโลก เราอาจได้เห็นราคาของธัญพืชปรับตัวสูงขึ้น 25% ในวันจันทร์ที่ตลาดซื้อขายจะกลับมาเปิดอีกครั้ง” Orlova กล่าว
ย้อนกลับไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่รัสเซียตัดสินใจใช้กำลังทหารบุกยูเครน ราคาข้าวสาลีและข้าวโพดในตลาดโลกได้เคยพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วจนส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อทั่วโลกมาแล้ว
Chris Weafer หัวหน้าผู้บริหารฝ่ายที่ปรึกษาเศรษฐกิจของ Macro-Advisory ประเมินว่า ราคาธัญพืชมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นถึง 29% จากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองรอสตอฟ
“ถ้าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่คลี่คลาย เราอาจได้เห็นราคาของธัญพืชที่ปัจจุบันอยู่ที่ 730 เซนต์ต่อบุชเชล (หน่วยชั่งตวงสำหรับธัญพืช มีน้ำหนักเท่ากับ 27 กิโลกรัม) พุ่งขึ้นไปสู่ระดับ 1,000 เซนต์ต่อบุชเชลอย่างรวดเร็ว หรือเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวจากเดือนพฤษภาคม” Weafer ระบุ
ห่างจากเขตรอสตอฟออนดอนลงมาทางใต้ราว 200 ไมล์ จะมีเมืองสำคัญอีกแห่งหนึ่งของรัสเซียที่ชื่อว่าโนโวรอสซีสค์ (Novorossiysk) ตั้งอยู่ โดยเมืองแห่งนี้มีความสำคัญในแง่การเป็นฮับในการส่งออกน้ำมันของรัสเซียและกลุ่มประเทศในเอเชียกลาง ซึ่งมีความร่วมมือด้านท่อส่งน้ำมันกันภายใต้ Caspian Pipeline Consortium ซึ่งมีโครงข่ายท่อเชื่อมโยงไปถึงไซบีเรียและในคาซัคสถาน
“ในกรณีที่ความขัดแย้งลุกลามไปทางทิศใต้จะมีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกแน่นอน เรายังจับตาดูฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต่อจากนี้ แต่มันคงไม่ใช่เรื่องประหลาดใจหากเราจะได้เห็นสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า (Oil Futures) ปรับตัวสูงขึ้น” Orlova กล่าว
ข้อมูล ณ ช่วงเช้าวันนี้ (25 มิถุนายน) บ่งชี้ว่าสถานการณ์ในเมืองโนโวรอสซีสค์และเมืองท่าอื่นๆ ในทะเลดำของรัสเซียยังไม่ได้น่ากังวลมากนัก และยังไม่มีสัญญาณถึงปัญหาเกี่ยวกับการขนส่งสินค้า
สำหรับความเคลื่อนไหวในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน พบว่าเงินสกุลรูเบิลยังคงทรงตัว เนื่องจากปัจจุบันเงินรูเบิลถูกควบคุมเป็นพิเศษโดยกระทรวงการคลังของรัสเซีย ซึ่งหมายความว่าจะไม่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในลักษณะเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ
Bloomberg รายงานว่า นับตั้งแต่รัสเซียตัดสินใจรุกรานยูเครน มีเงินสกุลรูเบิลถูกถอนออกจากธนาคารัสเซียรวมกันไปแล้วราว 2.2 ล้านล้านรูเบิล หรือราว 2.05 หมื่นล้านปอนด์สเตอร์ลิง
อ้างอิง:
