วันนี้ (14 สิงหาคม) เวลา 15.50 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ภายหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 15.00 น.
ตัวแทน 40 อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นำโดย สมชาย แสวงการ, ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม และ ประพันธ์ คูณมี ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
สมชายกล่าวว่า ขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าเราต้องเคารพมติศาลรัฐธรรมนูญ เคารพในหลักนิติรัฐ นิติธรรม ขอบคุณศาลที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่านายกรัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมผิดจริยธรรมร้ายแรง ต่อการเสนอชื่อ พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าพิชิตมีปัญหาคุณสมบัติตั้งแต่ต้น
ซึ่งเศรษฐาจะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้ เพราะผู้บริหารประเทศต้องรู้ และต้องมีความรับผิดชอบ ดังนั้นการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในวันนี้ พวกเราในฐานะผู้ร้อง อดีตสมาชิกวุฒิสภา 40 คน ต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญ และได้กระทำการในหน้าที่ของอดีตสมาชิกวุฒิสภาที่ต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญครบถ้วนแล้ว เพราะมีหลักฐานทางข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงดังกล่าว จากนี้เป็นเรื่องที่การเมืองต้องว่ากันต่อไป
ส่วนการยื่นในครั้งนี้จะถูกมองว่าเป็นใบสั่งจากผู้มีอำนาจเก่าหรือไม่ สมชายกล่าวว่า ไม่มี เป็นการทำหน้าที่ของพวกเราเอง ที่ได้เข้าชื่อและรวบรวมข้อมูลข้อกฎหมาย เขียนคำร้องยื่นต่อศาล ยืนยันว่าไม่มีใบสั่งจากใครทั้งสิ้น
สมชายกล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง บ้านเมืองก็เดินหน้าต่อไป นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีก็พ้นไป และเชื่อว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีตามบัญชีที่มีอยู่ ซึ่งก็มีอยู่หลายคน คนที่เหมาะสมก็คืออยู่ในบัญชีแคนดิเดต ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล ที่ต้องไปว่ากันอีกที ซึ่งตนเป็นอดีตสมาชิกวุฒิสภาและเป็นประชาชน คงไม่ได้มีความเห็นใดๆ และเชื่อว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีหลังจากนี้จะไม่มีความวุ่นวายใดเกิดขึ้น เชื่อว่าการเมืองยังเดินต่อไปได้ ไม่มีอะไรน่ากังวล
เมื่อถามต่อว่าคำวินิจฉัยในวันนี้อาจทำให้ประชาชนกังวลเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต สมชายกล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นในเรื่องนี้
สมชายกล่าวย้ำว่า คำตัดสินครั้งนี้ถือเป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้องและยุติธรรม ไม่มีสองมาตรฐาน เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยชัดเจน ถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 โดยเฉพาะเรื่องของการยกระดับที่มากกว่าผู้รับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยซ้ำ ว่าต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม หรือประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งอยู่ในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ
การวินิจฉัยของศาลวันนี้เป็นบรรทัดฐานที่ยึดหลักเดิมมาตลอด และหลักนี้ยังคงอยู่ และเห็นว่าในทางการเมืองมาถึงจุดที่ไม่ควรเป็นเรื่องการต่างตอบแทนในการให้ใครมาเป็นรัฐมนตรีก็ตาม ต้องตรวจสอบคุณสมบัติให้ชัดเจนและเดินตามบรรทัดฐานจริยธรรม ซึ่งต้องใช้กับทุกองค์กร ซึ่งจริยธรรมเป็นเรื่องสำคัญมาก
เมื่อถามว่า รู้สึกผิดหรือไม่ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าประเทศ สมชายกล่าวว่า ไม่รู้สึกผิดเลย และรู้สึกถูกที่ยื่นเรื่อง เพราะต้องทำหน้าที่ เพราะคนไม่ทำหน้าที่ เราเลยต้องทำหน้าที่
ทั้งนี้ ไม่มีความเป็นห่วงที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเท่านั้น โดยไม่มีสมาชิกวุฒิสภายกมือโหวตเหมือนที่ผ่านมา