×

นิ้วไส้กรอก เบเกิลศักดิ์สิทธิ์ และเครื่องซักผ้า แกะความหมายหนังซือเจ๊และหลากมัลติเวิร์ส

27.05.2022
  • LOADING...
Everything Everywhere All at Once

HIGHLIGHTS

1 min. read
  • ตัวเรื่องอาจมีฉากตลกแหวกแนวให้เราได้เห็นมากมาย แต่หากเราลองตั้งใจดูและคิดวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วจะเห็นว่า หลายสรรพสิ่งในนั้นล้วนมีความหมายที่ลึกซึ้งและเชื่อมโยงกับหลักปรัชญาเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่มีความหมายอะไรเลยก็ตาม 
  • แน่นอนว่าการปล่อยพลังของตัวละครในหนังเรื่องนี้ ไม่แพ้ The Avengers แน่ๆ เพราะโปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้อย่าง Anthony กับ Joe Russo ยังเป็นผู้กำกับของ Avengers: Infinity War รวมถึงหนัง Marvel อีกหลายเรื่อง  

*บทความนี้มีการเผยเนื้อหาในเรื่อง 

 

Everything Everywhere All at Once หรือ ซือเจ๊ทะลุมัลติเวิร์ส หนังเรื่องล่าสุดจากค่าย A24 ได้เข้าฉายในเมืองไทยมาสักพักหนึ่งแล้ว และหากคุณได้เข้าไปดูจะค้นพบว่าผลงานชิ้นนี้มีความพิเศษแบบว่า 10 ปีจะมีครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเรื่องราวของหนังเต็มเปี่ยมไปด้วยความหลากหลายทางเนื้อหาและรสชาติ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถสัมผัสได้ ทั้งเด็ก วัยรุ่น พ่อ แม่ สามี ภรรยา หรือปู่ ย่า นี่คือความเป็นเอกลักษณ์ของหนังเรื่องนี้ 

 

ตัวเรื่องอาจมีฉากตลกแหวกแนวให้เราได้เห็นมากมาย แต่หากเราลองตั้งใจดูและคิดวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว จะเห็นว่าหลายสรรพสิ่งในนั้นล้วนมีความหมายที่ลึกซึ้งและเชื่อมโยงกับหลักปรัชญาเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่มีความหมายอะไรเลยก็ตาม 

 


 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่:

 


 

เล่าก่อนว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตอันล้มเหลวของหญิงวัยกลางคนชื่อ เอเวอลีน (นำแสดงโดย Michelle Yeoh) ผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ ในชีวิต ทั้งธุรกิจที่กำลังขาดทุน ความขัดแย้งกับพ่อ การหย่ากับสามีจากชีวิตคู่ที่ไม่สมหวัง และการรับไม่ได้กับลูกสาวที่เป็นเกย์ แต่จู่ๆ ก็เกิดปรากฏการณ์ให้เธอได้เห็นตัวเองในจักรวาลคู่ขนานอื่นๆ และได้ดึงความสามารถจากตัวเธออีกเวอร์ชันออกมาได้ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยสิ่งของและการกระทำสุดพิสดาร เช่น นิ้วไส้กรอก การบอกรักกับคนที่เกลียด การกินลิปมัน การใช้นิ้วก้อยต่อสู้ ฯลฯ 

 

 

ด้วยความที่สัญลักษณ์เหล่านี้มิได้เป็นเครื่องหมายที่ทุกคนคุ้นเคย ความหมายของมันจึงเปรียบเสมือนคำถามปลายเปิดที่ตีความได้หลายแบบ เริ่มแรกคือการท่องโลกคู่ขนานไปจักรวาลอื่นๆ ของนางเอก และการดึงความสามารถออกมาใช้ สิ่งนี้คงเดากันได้ไม่ยากว่าเป็นสิ่งที่สื่อว่า แม้เราจะดูไร้ความสามารถแค่ไหน แต่จริงๆ แล้วเราอาจมีความสามารถพิเศษแอบแฝงอยู่ก็ได้ และศักยภาพของตัวเรานั้นมีอยู่นับไม่ถ้วน ตามจำนวนของดาวในจักรวาลนี้ 

 

แต่ถึงแม้จะมีพรสวรรค์ให้ปลดล็อก คนที่จะดึงออกมาใช้ได้นั้นจะต้องยอมทำสิ่งที่แปลกไป เช่น การสูดแมลงวันเข้าจมูก การสารภาพรักกับศัตรู การกินกบ หรือแม้กระทั่งการเอาสิ่งแปลกปลอมเสียบเข้ารูทวาร ฉากเหล่านี้อาจทำให้เกิดความรู้สึกงงๆ ว่ามันอย่างไรนะ  

 

 

แต่จริงๆ แล้วมันสื่อว่าหากเราต้องการพัฒนาตัวเองเพื่อเอาชนะอุปสรรค ก็จะต้องยอมอดทนทำในสิ่งที่แปลกมากจนคนอื่นหรือตัวเองไม่ทำเป็นปกติ และยิ่งอยากอัปเกรดมากเท่าไร สิ่งที่ต้องทำก็จะฉีกไปมากเท่านั้น และแน่นอนว่าการปล่อยพลังของตัวละครในหนังเรื่องนี้ไม่แพ้ The Avengers แน่ๆ เพราะโปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้อย่าง Anthony กับ Joe Russo ยังเป็นผู้กำกับของ Avengers: Infinity War รวมถึงหนัง Marvel อีกหลายเรื่อง  

 

​​

 

ระหว่างการปลดล็อก นางเอกก็มักจะเผลออินไปกับตัวเองในโลกอื่นๆ ซึ่งมีความประหลาดไม่ซ้ำกัน เช่น โลกที่ทุกคนมีนิ้วไส้กรอก โลกที่นางเอกเป็นนักแสดงดัง โลกที่มีแร็กคูนสอนทำกับข้าว โลกที่นางเอกเป็นก้อนหิน และอีกมากมาย ซึ่งความแปลกในโลกเหล่านี้ก็มีความหมายสุดกินใจ เพราะในโลกนิ้วไส้กรอกนั้นสื่อว่า จริงๆ แล้วมันอาจจะดูตลก แต่มันก็เป็นเพียงอีกโลกซึ่งเราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินในความต่าง เพราะต่อให้จะมีนิ้วไส้กรอกที่กัดออกมาเป็นชีส การใช้เท้านั้นก็ทดแทนการแสดงความรู้สึกต่างๆ ออกมาได้ไม่แพ้มือ เช่น การใช้เท้าเล่นเปียโน หรือปาดน้ำตา 

 

อีกฉากที่น่าจดจำพอๆ กันคือ ฉากที่นางเอกเป็นนักสู้กังฟูที่เก่งกาจ สามารถใช้ปลายนิ้วก้อยทำให้คู่ปรับหงายหลังตัวปลิวกลางอากาศได้ ฉากนี้สื่อว่านิ้วก้อยอาจเป็นนิ้วที่อ่อนแอที่สุด แต่มันก็ทรงพลังมาก เพราะมันคือนิ้วที่เอาไว้เกี่ยวก้อยสัญญา ซึ่งเป็นความหมายที่หนักแน่นและทรงพลังที่สุด 

 

ส่วนฉากที่เอเวอลีนเป็นดาราดังนั้นสื่อว่า ไม่ว่าเราจะมีสิ่งรอบตัวที่ดีงามขนาดไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนที่เรารัก เพราะสามีของเธอ เวย์มอนด์ ซึ่งเป็นเพื่อนในมิตินี้พูดว่า หากเขาได้แต่งงานกับเธอ และอยู่ในร้านซักรีดแบบจนๆ ด้วยกัน ยังจะดีกว่าการอยู่แยกกันแบบนี้  

 

 

ในที่สุดฉากที่พีคมากคือฉากก้อนหิน และฉากขนมปังเบเกิล ในมิติก้อนหินนั้นแสดงถึงการปล่อยวาง แต่ถึงแม้จะปลงขนาดเป็นก้อนหินแล้ว ก็ยังไม่มีใครปลงจริงๆ ได้ เพราะสุดท้ายก้อนหินก็ขยับเองและหล่นกลิ้งลงหน้าผาไป 

 

ส่วนฉากสุดท้ายคือเบเกิลศักดิ์สิทธิ์ เพราะแม้จะเป็นเพียงแค่อาหารธรรมดา แต่วงกลมอันว่างเปล่าของเบเกิลนั้น อาจสื่อถึงจุดจบอันอ้างว้างเหมือนหลุมดำ และเบเกิลก็ต่างจากโดนัทตรงที่ หากจะมีรสชาติอร่อยได้ ก็ต้องมีไส้มาเติมเต็ม เหมือนที่ลูกสาว จอย ต้องการการยอมรับและความเข้าใจจากทุกคน 

 

​​

 

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์เพียงมุมมองหนึ่งจากหนังยาว 140 นาที และหากดูซ้ำก็จะค้นพบความหมายอีกมากมายที่คุณอาจพลาดไปในรอบแรก เพราะจริงๆ แล้วเครื่องซักผ้า Googly Eyes และชื่อ Jobu Tupaki ก็มีความหมายเช่นกัน การเล่าเรื่องของซือเจ๊และหลากมัลติเวิร์ส นับว่าเป็นศิลปะชั้นยอดที่ตราตรึงใจ ทำคนดูต่างร้องไห้กันไปหลายรอบ ดังนั้นถ้าคุณยังไม่เคยดู จงรีบไปดูซะก่อนพลาด

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising