วานนี้ (6 กันยายน) คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศข้อเสนออย่างเป็นทางการในการระงับข้อตกลงอำนวยความสะดวกด้านวีซาระหว่างสหภาพยุโรป (EU) กับรัสเซียโดยสมบูรณ์ โดยให้เหตุผลว่า “ประเทศเช่นรัสเซีย ที่ทำสงครามรุกรานประเทศอื่น ไม่สมควรผ่านคุณสมบัติสำหรับการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า ตราบใดที่ยังดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบทำลายล้างและรุกรานทางทหารต่อยูเครน ซึ่งถือเป็นการเพิกเฉยต่อกฎระเบียบระหว่างประเทศอย่างสิ้นเชิง”
อีกทั้งการระงับข้อตกลงวีซ่าของรัสเซียเป็นไปเพื่อรับมือต่อความเสี่ยงและภัยคุกคามความมั่นคงของชาติสมาชิก EU ที่เพิ่มขึ้น
อิลวา โจฮานส์สัน กรรมาธิการกิจการภายในของ EU ระบุในการแถลงข่าวที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง EU และรัสเซีย ไม่อยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจและการให้สิทธิพิเศษอีกต่อไป
ภายใต้ข้อเสนอดังกล่าว พลเมืองรัสเซียจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษในการเดินทางเข้า EU อีก ซึ่งการยื่นขอวีซ่าเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการท่องเที่ยวและการพักผ่อนจะทำได้ยากลำบากขึ้นและมีราคาแพงกว่าเมื่อก่อนถึง 2 เท่า
โดยในทางปฏิบัติ ผู้สมัครขอวีซ่าชาวรัสเซียจะต้องเสียค่าธรรมเนียมวีซ่าที่สูงขึ้น จาก 35 ยูโร หรือราว 1,270 บาท เพิ่มเป็น 80 ยูโร หรือราว 2,900 บาท และใช้เวลาดำเนินการเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับวีซ่าชนิดเข้า-ออกหลายครั้ง และจะต้องส่งเอกสารสนับสนุนการขอวีซ่าเพิ่มมากขึ้นด้วย
การประกาศข้อเสนอดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศ EU บรรลุข้อตกลงในการประชุมที่กรุงปรากของสาธารณรัฐเช็ก เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งหน่วยงานผู้บริหารของ EU คาดว่าประเทศสมาชิกจะรับญัตติได้ในสัปดาห์นี้
“นั่นหมายความว่าในเช้าวันจันทร์หน้าเราจะมีกฎระเบียบวีซ่าใหม่สำหรับรัสเซีย” โจฮานส์สันกล่าว พร้อมย้ำว่า
“การรุกรานทางทหารอย่างไม่ยุติธรรมและไร้เหตุผลของรัสเซียต่อยูเครนยังเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของเรา ดังนั้นพลเมืองรัสเซียจึงไม่ควรเข้าถึง EU ได้โดยง่าย และการที่จะเป็นนักท่องเที่ยวใน EU นั้นไม่ใช่สิทธิขั้นพื้นฐาน”
นอกจากนี้คณะกรรมาธิการยุโรปยังเสนอให้ประเทศสมาชิก EU ไม่ยอมรับหนังสือเดินทางของชาวรัสเซียที่ออกในดินแดนของยูเครนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครอง เช่น ภูมิภาคเคอร์ซอน หรือเมืองซาปอริซเซีย
ภาพ: Hakan Nural / Anadolu Agency
อ้างอิง: