สหภาพยุโรป หรือ EU ได้ออกมาตัดสิทธิพิเศษทางภาษีแก่กัมพูชา ซึ่งได้รับผ่านโครงการ Everything But Arms (EBA) ที่สหภาพยุโรปเสนอให้ประเทศที่ยากจนของโลก โดยอ้างเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชน
คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า อัตราภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อสินค้า 1 ใน 5 ของการส่งออกประจำปีของกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรป คิดเป็นตัวเลขประมาณ 1 พันล้านยูโร หรือ 3.4 หมื่นล้านบาท
สินค้า เช่น เสื้อผ้า รองเท้า และน้ำตาล จะได้รับผลกระทบ เทียบให้เห็นภาพคือ จากภาษี 0% จะเปลี่ยนเป็น 12% ทันที คำนวณเป็นตัวเลขคร่าวๆ ประมาณ 120 ล้านยูโร หรือประมาณ 4,068 ล้านบาท ที่สินค้ากัมพูชาจะต้องจ่ายภาษี
รัฐบาลกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้มีการปราบปรามกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและคุกคามสื่อในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสหภาพยุโรปได้ติดตามอย่างใกล้ชิดมาตลอดคือ เหตุผลหลักที่ทำให้กัมพูชาถูกตัดสิทธิพิเศษทางการค้า
ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายน 2019 สหภาพยุโรปได้ออกโรงเตือนกัมพูชาแล้วว่า อาจมีการตัดสิทธิพิเศษ ขณะที่แบรนด์เสื้อผ้าและรองเท้ายักษ์ใหญ่ของโลก เช่น Adidas, Puma และ Levi Strauss ได้ออกมาเรียกร้องเช่นกัน แต่ไม่เป็นผล
“จนกว่ารัฐบาลจะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา สิทธิพิเศษทางการค้าจึงจะกลับคืนมา” โจเซป บอร์เรล รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวในแถลงการณ์
แน่นอนว่า รัฐบาลกัมพูชาออกมาตอบโต้ทันทีว่า นี่คือ ‘การเคลื่อนไหวที่ไม่ยุติธรรม’ และก่อนหน้าที่จะมีประกาศ 1 วัน นายกฯ ฮุนเซนได้กล่าวว่า กัมพูชา ‘จะไม่ยอมแแพ้’ เพื่อตอบสนองความต้องการของต่างประเทศ
นักวิเคราะห์มองว่า เรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของกัมพูชาเท่านั้น แต่จะส่งผลไปยังการลงทุนทั่วไปในประเทศ และเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนอาจกระทบฐานเสียงของรัฐบาลฮุนเซน ด้วยมีชาวกำพูชาจำนวนมากทำงานในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า
การส่งออกเสื้อผ้าและรองเท้าของกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรปมีมูลค่า 4.6 พันล้านยูโร หรือ 1.56 แสนล้านบาท ในปี 2018 คิดเป็นสัดส่วนกว่า 86% ของการส่งออกมูลค่า 5.4 พันล้านยูโร ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 45% ของการส่งออกทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตาม การตัดสิทธิพิเศษทางการค้าจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคมเป็นต้นไป หรืออาจจะไม่มีการตัดสิทธิ หากถูกคัดค้านจากรัฐสภายุโรป โดยภายใต้ EBA สินค้ากว่า 7,200 ของกัมพูชาได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
