สายการบิน Emirates ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เผยว่า กำลังวางแผนทำงานร่วมกันกับทาง Pfizer และบริษัทผู้ผลิตยาชั้นนำทั่วโลก ในการจัดระบบโลจิสติกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งวัคซีนต้านโควิด-19 ไปทั่วโลก
ทิม คลาร์ก ประธานสายการบิน Emirates เปิดเผยระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า ทางบริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดวางระบบโลจิสติกส์ที่ดีที่สุด เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะสามารถจัดส่งวัคซีนไปยังพื้นที่ที่จำเป็นทุกแห่งทั่วโลก
ความเห็นของประธานสายการบิน Emirates มีขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่ทาง Pfizer เปิดเผยความสำเร็จของการทดสอบวัคซีนโควิด-19 ทำให้ Emirates และสายการบินอื่นๆ ทั่วโลกต่างร่วมหารือกับ Pfizer เพื่อหาทางจัดส่งและกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมมากที่สุด
รายงานระบุว่า การจัดส่งและกระจายวัคซีนที่ว่านี้มีเงื่อนไขและข้อควรระวังหลายประการ โดยเฉพาะในระหว่างการขนส่งที่ต้องจัดเก็บวัคซีนไว้ที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาคุณสมบัติต้านไวรัส
“เรากำลังหาทางขนย้ายวัคซีนของทาง Pfizer ภายในกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อบรรทุกบนเครื่องบิน พร้อมอุปกรณ์ทำความเย็นต่างๆ เพื่อควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตามเงื่อนไข” คลาร์กกล่าว ก่อนเน้นย้ำว่า การจัดการขนส่งแจกจ่ายวัคซีนถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่สุดภายหลังจากที่มีการผลิตวัคซีนออกมาแล้ว
ทั้งนี้ Pfizer ได้ออกมาคาดการณ์ว่า หากเป็นไปตามแผน ทางบริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ได้ถึง 50 ล้านโดสภายในปี 2020 และมากถึง 1,300 ล้านโดสในปี 2021
นอกจาก Pfizer แล้ว บรรดาค่ายผู้ผลิตยาชั้นนำหลายแห่งทั่วโลกต่างเร่งมือพัฒนาค้นคว้าวัคซีนจัดการโควิด-19 อย่างเต็มที่ โดยมีบริษัทยาที่น่าจับตามองอย่าง Moderna, AstraZenecca และ Johnson & Johnson ที่มีรายงานว่า ทั้งหมดกำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบวัคซีนทางคลินิกอยู่ ซึ่งทาง Emirates คาดหวังว่า วัคซีนที่ผลิตออกมานี้จะสามารถจัดเก็บในอุณหภูมิที่ติดลบน้อยกว่าวัคซีนของ Pfizer ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขนส่งให้ถึงมือผู้บริโภคได้เร็วที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: