หลังจากที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งฉบับใหม่ประกาศใช้ ทำให้ กกต. ชุดเก่าต้องหมดวาระ และต้องทำการสรรหา กกต. ชุดใหม่ โดยเปิดรับสมัครบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการการเลือกตั้งระหว่างวันที่ 19 ตุลาคม ถึง 10 พฤศจิกายน 2560 เวลา 8.30-16.30 น. ที่อาคารรัฐสภา ซึ่งกว่าจะมีผู้มาสมัครรายแรกก็ผ่านการเปิดรับสมัครวันแรกไปแล้วถึง 13 วัน
กระทั่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็น กกต. โดยบรรยากาศค่อนข้างคึกคัก ผิดกับช่วงแรกๆ ที่ค่อนข้างเงียบเหงาและบางตา รวมแล้วมีบุคคลเข้ารับสมัครจำนวนทั้งสิ้น 41 คน ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย วิชาชีพ และภาคประชาสังคม โดยหนึ่งในผู้สมัครได้ถอนตัวจากการสมัคร ทำให้เหลือ 40 คน
สำหรับบุคคลที่เข้ารับการสรรหามีทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย วิชาชีพ และภาคประชาสังคม เช่น นายวิชกรพุฒิ รัตนวิเชียร กรรมการมรรยาท สภาทนายความ, นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร., นายอนุพร อรุณรัตน์ กรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และหัวหน้าสำนักกฎหมาย อัมพร อนุพร แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด
โดยมีบุคคลที่น่าจับตา เช่น นายประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี, นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตอธิบดีกรมที่ดิน และพลตำรวจเอก วรพงษ์ ชิวปรีชา อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, นางสาวลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย หรือ คปก. และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.
สำหรับบุคคลที่จะเข้ารับการสรรหาเป็น กกต. ชุดใหม่ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กำหนดคุณสมบัติที่สูงขึ้น โดยต้องเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีผู้พิพากษา หรืออธิบดีอัยการ หรือต้องเคยทำงานภาคประชาสังคมมาแล้วเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปี
ซึ่งการสรรหา กกต. ชุดใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ให้มีประธานและ กกต. 7 คน มีที่มาสองทาง โดย 5 คนแรกมาจากคณะกรรมการการสรรหาตามมาตรา 11 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกอบด้วยประธานศาลฎีกาเป็นประธาน และมีกรรมการที่มาจากประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตัวแทนศาลรัฐธรรมนูญ และตัวแทนองค์กรอิสระที่มิใช่ กกต. องค์กรละ 1 คน
