วานนี้ (2 มกราคม) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคโควิด-19 กรณีผู้เสียชีวิต 4 รายจากการระบาดรอบใหม่ว่า ผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นชายไทย อายุ 45 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลระยอง ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิต มีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือดอยู่เดิม พบประวัติเสี่ยงเป็นคนโบกรถที่บ่อนจังหวัดระยอง, รายที่ 2 ชายไทยอายุ 70 ปี ติดเชื้อจากเมียนมา เสียชีวิตที่โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก มีโรคประจำตัวคือ โรคหลอดเลือดสมอง, รายที่ 3 ชายไทยอายุ 44 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไม่มีโรคประจำตัว แต่อาการมากแล้วถึงมาโรงพยาบาล พบมีประวัติเสี่ยงไปสถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้า กทม. และรายที่ 4 หญิงไทย อายุ 47 ปี เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล มีโรคประจำตัวคือ โรคเบาหวาน พบประวัติเกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อจากบ่อนการพนันจังหวัดชลบุรี ดังนั้นข้อสังเกตที่สำคัญคือ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดัน หลอดเลือดสมอง และโรคเรื้อรั้งต่างๆ เป็นกลุ่มที่ติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรง ฉะนั้น หากมีอาการสงสัยแล้วให้ไปพบแพทย์ทันที เพราะการไปโรงพยาบาลล่าช้าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิต
นพ.โอภาสยังกล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดที่จังหวัดสมุทรสาคร ที่ดูเหมือนสถานการณ์จะค่อนข้างคงที่ แต่ยังพบผู้ป่วยเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ป่วยเพิ่ม 55 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 1,860 ราย ขณะนี้ได้เปิดโรงพยาบาลสนามและจะมีการนำผู้ป่วยชาวเมียนมาที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อยมากเข้าไปรักษา ส่วนคนไทยที่มีอาการค่อนข้างหนักหรือปานกลางจะได้รับการรักษาในโรงพยาบาล ขณะที่จังหวัดระยอง จากสถานการณ์การระบาดพบเริ่มต้นที่บ่อนการพนันในบริเวณอำเภอเมืองระยอง และกระจายไปจังหวัดต่างๆ เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญเฝ้าระวังต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร ขณะนี้พบในหลายเขตที่มีเขตติดต่อกับสมุทรสาครและจังหวัดนครปฐม เป็นอีกพื้นที่ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด จะเห็นว่าขณะนี้พบผู้ที่ติดเชื้อที่เป็นคนไทยและสมาชิกในครอบครัว จึงคาดว่าจะมีการระบาดอย่างกว้างขวางมากขึ้น อาจจะมีผู้เสียชีวิตมากขึ้น จึงต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น พร้อมขอความร่วมมือไม่เดินทางข้ามจังหวัด
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
