×

EGCO อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 65 อีก 3.25 บาท กำหนดจ่าย 24 เม.ย. นี้ ทุ่มลงทุนปีนี้ 3 หมื่นล้าน ขยายธุรกิจไฟฟ้า

13.04.2023
  • LOADING...

เอ็กโก กรุ๊ป อนุมัติจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังของปี 2565 อีกหุ้นละ 3.25 บาท รวมทั้งปีจ่าย 6.25 บาท พร้อมทุ่มงบลงทุนปี 2566 จำนวน 30,000 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจไฟฟ้าและต่อยอดธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ประกาศแผนหยุดลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน หลังตั้งเป้าหมาย Carbon Neutral ภายในปี 2593 

 

เทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอ็กโก กรุ๊ป หรือ EGCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (AGM) ประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2566 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท คิดเป็นเงิน 1,711 ล้านบาท รวมจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2565 อยู่ที่หุ้นละ 6.50 บาท คิดเป็นเงินปันผลที่จ่ายทั้งสิ้น 3,422 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 เมษายน 2566

 

สำหรับแผนการลงทุนในอนาคตของเอ็กโก กรุ๊ป มีนโยบายมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2593 โดยในปี 2566 เอ็กโก กรุ๊ป ได้ตั้งงบลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายธุรกิจด้วยการแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดและโรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยไม่ลงทุนในโรงไฟฟ้าหรือธุรกิจถ่านหินเพิ่มเติม 

 

ขณะเดียวกันจะบริหารโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและปลดปล่อยคาร์บอนให้น้อยที่สุด ด้วยการศึกษาเพื่อนำไฮโดรเจนและแอมโมเนียมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผสม 

 

รวมถึงการใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) นอกจากนี้เอ็กโก กรุ๊ป ยังมุ่งสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจด้วยการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานครบวงจรอย่างยั่งยืน 

 

สำหรับโครงการ ‘หยุนหลิน’ ในไต้หวัน ซึ่งเป็นการก่อสร้างกังหันลมนอกชายฝั่งขนาดใหญ่ที่ล่าช้าและมีต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นนั้น เอ็กโก กรุ๊ป ในฐานะหนึ่งในผู้ถือหุ้น ได้ร่วมศึกษาผลกระทบ จัดทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงและความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อพิจารณาแนวทางที่เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนได้เร่งรัดติดตามความก้าวหน้าของโครงการอย่างใกล้ชิด และร่วมปรับแผนการก่อสร้าง เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในปี 2567


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising