×

ประธาน ECB เตือน ปมขัดแย้ง ‘สหรัฐฯ-จีน’ ฉุดเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ ดันเงินเฟ้อพุ่ง และอาจทำให้ต้นทุนราคาผู้บริโภคเพิ่ม 5% ในระยะใกล้

18.04.2023
  • LOADING...
ECB เตือน สหรัฐฯ จีน

คริสติน ลาการ์ด (Christine Lagarde) ประธานธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ออกโรงเตือนเมื่อวันจันทร์ที่ 17 เมษายนว่า ความขัดแย้งบาดหมางระหว่างสหรัฐฯ กับจีน สองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพการค้าโลก เพิ่มอัตราเงินเฟ้อ และชะลอการเติบโตทำให้เศรษฐกิจโลกอ่อนแอ

 

ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นระหว่างที่ลาการ์ดขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์ที่ Council on Foreign Relations ในนิวยอร์ก ซึ่งเธอระบุว่า ข้อมูลทางเศรษฐกิจย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1900 แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์จะนำไปสู่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเสมอ

 

นอกจากนี้ลาการ์ดยังกล่าวว่า ต้นทุนมีแนวโน้มสูงขึ้นเนื่องจากประเทศต่างๆ หยุดหรือลดการค้าขายกับคู่แข่ง และแสวงหาสินค้าจากภายในประเทศหรือจากประเทศพันธมิตร ขณะที่การตัดขาดความสัมพันธ์อาจเป็นเรื่องยาก ตัวอย่างเช่น กรณีของยุโรปที่มีการพึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนถึง 98% ซึ่งใช้ในโทรศัพท์มือถือและฮาร์ดไดรฟ์คอมพิวเตอร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ

 

ทั้งนี้ ลาการ์ดประเมินว่า หากห่วงโซ่อุปทานของโลกต้องแตกแยกตามเส้นแบ่งทางภูมิรัฐศาสตร์ ต้นทุนราคาผู้บริโภคอาจเพิ่มขึ้น 5% ในระยะใกล้ และ 1% ในระยะยาว

 

ขณะเดียวกัน ลาการ์ดยังเตือนด้วยว่า สหรัฐฯ ไม่ควรเพิกเฉยต่อบทบาทของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินหลักของการค้าโลก โดยแม้ในขณะนี้จะยังไม่ได้รับผลกระทบจากการท้าทายที่เกิดขึ้นกับสกุลเงินใดๆ ก็ตาม แต่กระนั้น จีน รัสเซีย และประเทศอื่นๆ ก็กำลังหาทางลด ละ เลิก การพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ ที่รัฐบาลจีน รัสเซีย และอิหร่านมองว่า สหรัฐฯ พยายามใช้อิทธิพลที่มีในการครอบงำหรือบีบบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรลงโทษทางเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อรัสเซียหลังจากการรุกรานยูเครนเมื่อปีที่แล้ว

 

นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลาง ECB กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกที่แตกเป็นเสี่ยงและมีประสิทธิภาพน้อยลงจะทำให้ธนาคารกลางควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ยากขึ้น และธนาคารกลางจะต้องการความช่วยเหลือจากผู้กำหนดนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะต้องหาทางควบคุมต้นทุนโดยการปรับปรุงประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานและการอนุรักษ์พลังงาน

 

ลาการ์ดซึ่งรับตำแหน่งประธาน ECB ในปี 2019 หลังจากที่เพิ่งจะลงจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า เป้าหมายนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปเริ่มจะเห็นผลในการต่อสู้กับเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรหรือยูโรโซนบ้างแล้ว ยืนยันได้จากตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนมีนาคม ซึ่งปรับตัวลดลงแตะระดับ 6.9% ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และลดลงจากระดับสูงสุดที่ 10.6% ในเดือนตุลาคม ปี 2022 ที่ผ่านมา กระนั้น สถานการณ์เงินเฟ้อของยุโรปก็ยังไม่สามารถวางใจได้ ตราบใดที่ยุโรปยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย

 


บทความที่เกี่ยวข้อง


 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising