ภายใน 1-2 วันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมสั่ง EA ชี้แจงข้อมูลเพิ่ม หลังพบความไม่สอดคล้องของข้อมูลที่เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต. ระบุอยู่ระหว่างรวบรวมปัญหาที่พบเจอไปหารือกับสำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมคาดตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังบรรยากาศดีขึ้น ตอบรับภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น-นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตหนุนกำลังซื้อปลายปี
รองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ ในฐานะโฆษกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยภายในงาน ‘โฆษกพบสื่อ’ ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมสั่งให้บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ชี้แจงข้อมูลภายใน 1-2 วันนี้ เนื่องจากพบว่าบริษัทเปิดเผยข้อมูลเรื่องการขายหุ้นของผู้บริหารต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่สอดคล้องกัน
ทั้งนี้ ข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกันคือ รายงานการขายหุ้น Big Lot จำนวน 14.69 ล้านหุ้นของผู้บริหาร ซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลให้กับตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ไม่ตรงกัน
โดยผู้บริหาร EA เปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เป็นการขายในช่วง ณ ราคาปิดตลาด (ATC) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เพื่อปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ไม่ได้ถูก Force Sell และไม่มีหุ้นที่มีความเสี่ยงจะโดน Force Sell เหลือแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร EA กลับรายงานต่อ ก.ล.ต. ว่า รายการดังกล่าวเป็นการทำรายการแบบ Auto Matching ซึ่งเป็นการรายงานข้อมูลที่ไม่ตรงกัน
อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกันเช่นนี้จะเข้าข่ายเปิดเผยข้อมูลที่เป็นเท็จหรือไม่ ต้องตรวจสอบต่อไป ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้มีอำนาจพิจารณาว่าบริษัททำถูกหรือผิด และขั้นตอนต่อไปคือการให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่ม
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเตรียมรวบรวมข้อมูลปัญหาเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของ บจ. ทั้งหมดที่พบเจอในปัจจุบัน เพื่อนำไปหารือกับสำนักงาน ก.ล.ต. ในการพิจารณาว่าควรจะแก้ไขอย่างไร
คาดตลาดหุ้นครึ่งปีหลัง ‘สดใสขึ้น’
สำหรับแนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทย รองรักษ์กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังตลาดหุ้นไทยน่าจะมีบรรยากาศที่ดีขึ้น เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ น่าจะเริ่มทำหน้าที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ ประกอบกับแรงหนุนจากเม็ดเงินใหม่ของกองทุน TESG และกองทุนวายุภักษ์ที่จะเข้ามาในตลาดหุ้นมากขึ้น ขณะเดียวกัน ปัจจัยต่างประเทศก็น่าจะช่วยหนุนหุ้นได้ในครึ่งปีหลัง เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย ภาพรวมเศรษฐกิจต่างประเทศดีขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเฝ้าระวังยังคงมีอยู่คือ ความเสี่ยงด้านความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
นักลงทุนเปิดบัญชีใหม่เพิ่ม 2 แสนบัญชี
รองรักษ์กล่าวเพิ่มว่า ตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน มีบัญชีเปิดใหม่แล้ว 2 แสนบัญชี เพิ่มขึ้น 8% จากจำนวนบัญชีเมื่อปี 2566 ที่อยู่ที่ 2.5 ล้านบัญชี ท่ามกลางดัชนีหุ้นไทยที่ทำผลงานแย่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ ประเมินว่าเป็นเพราะนักลงทุนมีความสนใจเรื่องการออมและการลงทุนเพิ่มมากขึ้น และสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวกขึ้น
“นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องระดับดัชนีที่ย่อตัวลงเยอะ นักลงทุนรายใหม่ๆ จึงมองเป็นโอกาสเข้าลงทุน” รองรักษ์กล่าว