คนเราถ้าจะดื่ม ต้องดื่มอย่างรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเองและรับผิดชอบชีวิตของคนอื่นด้วย เพราะฉะนั้นต้องรู้ลิมิตว่าแค่ไหนคือพอ เรายังต้องดูแลตัวเองอยู่ อย่าคิดแต่ว่าเราเมาแล้วเดี๋ยวเพื่อนดูแลเอง พี่คิดว่าเราโตแล้วเราควรตั้งอยู่บนพื้นฐานความคิดว่าเราจะต้องดูแลตัวเองให้ได้ก่อน – เรื่องเมาก็เช่นกัน
Q: งานปาร์ตี้บริษัทที่ผ่านมาผมเมาเละเลยครับ จำอะไรไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีคือตื่นมานอนแก้ผ้าอยู่กับเพื่อนที่เป็นเกย์ ซึ่งมันก็ไม่ใส่อะไรเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้เป็นเกย์นะครับพี่ ตื่นมาผมทั้งตกใจและโกรธเพื่อนมาก ไม่รู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากนั้นเราก็ไม่คุยกันอีกเลย ผมไม่อยากแม้แต่จะมองหน้า เขาพยายามมาขอโทษผม แต่ผมไม่พร้อมจะคุยด้วยจริงๆ ผมอึดอัดกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เรายังต้องทำงานด้วยกันอยู่ ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ
A: คุณพระ… นี่ชีวิตจริงหรือละครวาย เตือนในฐานะพี่นะน้องชาย พี่ขอเขกกะโหลกน้องทีเถอะ อย่างแรก พี่รู้ว่าปาร์ตี้บริษัทมันสนุก เครียดมาทั้งปีก็อยากปลดปล่อย แต่เมาเละอะไรขนาดนั้นจนไม่มีสติคงไม่ไหว เราโตเป็นผู้ใหญ่แล้วต้องดูแลตัวเองได้ จะดื่มจะสังสรรค์ก็ต้องมีขอบเขต ดื่มแบบมีความรับผิดชอบต่อตัวเองกันหน่อย
ที่เป็นห่วงเพราะนี่เป็นปาร์ตี้บริษัทด้วย ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นคือคนที่เราร่วมงานกับเขา บางคนอาจจะไม่เคยร่วมงานกับเรา แต่ได้มาเห็นเราตอนเมาจนไร้สติเขาก็คงจดจำแบบนั้น น้องทำงานดีแค่ไหนก็ตาม แต่เมาเละมันก็ไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่น้องอยากให้คนอื่นจดจำเท่าไรจริงไหม แล้วนี่เกิดเมาแล้วไปปีนเกลียวพูดจาไม่ดี หรือไปเผลอระรานคนอื่นโดยที่เราไม่รู้ตัวจะเดือดร้อนเอาได้ นึกภาพว่าน้องเมาแล้วไปปีนเกลียวหัวหน้าเข้าจะเป็นไง โอ๊ย! ไม่อยากจะคิด หรือเมาแล้วเกิดอุบัติเหตุไปจะเสียใจเอานะน้อง ไหนเกิดเมาแล้วอ้วกเลอะเทอะ สงสารแม่บ้านนะน้อง เราสนุกสุดเหวี่ยงแต่มีคนอื่นเดือดร้อนเพราะเรา
พี่รู้ว่าดื่มแล้วน้องคงสนุก แต่ถ้ามันมากไปคงไม่สนุกแล้วล่ะ ลองคิดง่ายๆ นะน้อง ถ้าคืนนั้นสนุกมาก แต่น้องเมาเละจนไม่ได้สติ แปลว่าน้องพลาดความสนุกที่เหลือของคืนนั้นแล้วนะ ไปจนถึงว่าแทนที่คนอื่นจะสนุกกันก็ต้องมาดูแลน้อง อันนี้ก็ไม่สนุกเหมือนกัน
คนเราถ้าจะดื่ม ต้องดื่มอย่างรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเองและรับผิดชอบชีวิตของคนอื่นด้วย เพราะฉะนั้นต้องรู้ลิมิตว่าแค่ไหนคือพอ เรายังต้องดูแลตัวเองอยู่ อย่าคิดแต่ว่าเราเมาแล้วเดี๋ยวเพื่อนดูแลเอง พี่คิดว่าเราโตแล้วเราควรตั้งอยู่บนพื้นฐานความคิดว่าเราจะต้องดูแลตัวเองให้ได้ก่อน – เรื่องเมาก็เช่นกัน
ทีนี้มาเรื่องตื่นมานอนแก้ผ้ากับเพื่อนเกย์บ้าง พี่เข้าใจว่าน้องโกรธ และพี่ก็ไม่รู้ว่าสนิทกันแค่ไหน แต่น้องควรจะคุยกับเพื่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ลดทิฐิลงแล้วคุยกับเพื่อนก่อน ถ้ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีไป ไม่ต้องโกรธกันต่อ แต่ถ้าคืนนั้นมันมีเพศสัมพันธ์แบบที่น้องไม่ได้ตั้งใจเกิดขึ้น พี่คิดว่ามันไม่ถูกต้อง และการคุกคามทางเพศอย่างไรก็ผิด ทีนี้ก็อยู่ที่น้องว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ทำได้ตั้งแต่แจ้งหัวหน้าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้น และน้องไม่สบายใจที่จะทำงานกับเพื่อนคนนี้ สิ่งที่ตามมาอาจเป็นไปได้ตั้งแต่การลงโทษเพื่อน การจัดระบบการทำงานใหม่ไม่ให้ต้องร่วมงานกัน หรือน้องดูแล้วคิดว่าเคลียร์กับเพื่อนกันเองได้ก็เป็นอีกวิธีที่ดีนะครับ
แต่ทั้งหมดนี้ต้องเกิดจากการคุยกัน ไม่คุยจะยิ่งอึดอัด เพราะน้องก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เอาไว้เมื่อน้องพร้อมแล้วควรคุยกันนะ คุยกันอย่างมีสติ และถ้ารู้สึกว่าจะให้อภัยได้ก็ให้อภัย ถ้ารู้สึกว่ายังโกรธอยู่ก็อย่าเพิ่ง
ต้องถามว่าเพื่อนคนนี้ควรค่าที่เราจะเป็นเพื่อนไหม อันนี้น้องน่าจะประเมินแล้วตอบตัวเองได้นะครับ ถ้าดูแล้วน้องคิดว่าที่ผ่านมาเขาเป็นเพื่อนที่ดี และเรื่องที่เกิดขึ้นพอจะให้อภัยได้ ก็คุยกับเขา ให้บทเรียนกับเขา แล้วเป็นเพื่อนกันต่อ พี่คิดว่าเขาเจอแบบนี้เขาเองก็คงจำแล้วล่ะ แต่ถ้าดูแล้วไม่ควรเก็บเป็นเพื่อนเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันเกินกว่าจะเป็นเพื่อนกันต่อไป ก็อยู่ห่างไว้ ถ้ามันจะต้องเสียเพื่อนก็คือต้องเสีย เรารักษาแต่เพื่อนดีๆ จะดีกว่า แต่จะเป็นทางไหนพี่ขอให้น้องคิดดีๆ
น้องสามารถบอกเพื่อนได้ว่าน้องไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้คิดจะเป็น น้องไม่ได้คิดกับเพื่อนแบบนั้น และไม่พอใจที่ถูกลวนลามด้วย และถ้าน้องกังวลว่ามีอะไรกับเกย์แล้วจะเปลี่ยนความเป็นผู้ชาย Straight ของน้องไหม อันนี้พี่คิดว่ามันไม่เกี่ยวกันหรอก น้องจะเป็น Straight ก็เป็น Straight มันไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายขนาดนั้น
สิ่งที่พี่เป็นห่วงอีกเรื่องคือ เนื่องจากตอนเกิดเหตุน้องไม่มีสติ เราจะวางใจได้อย่างไรว่าเพศสัมพันธ์ที่น้องไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นเป็นไปด้วยความปลอดภัย เขาใส่ถุงยางหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ เขามีสติตอนใส่ไหมก็ไม่รู้ หรือเขาใส่ให้น้องหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่รู้อีก เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดเพศสัมพันธ์ที่เราไม่แน่ใจว่าเกิดการป้องกันหรือเปล่าแบบนี้ พี่คิดว่าการไปตรวจเลือดและรับยา PEP เพื่อต้านไวรัสหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันภายใน 72 ชั่วโมงและกินต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือนเป็นสิ่งที่ควรทำ ถ้าน้องเป็นผู้หญิง พี่จะแนะนำให้กินยาคุมฉุกเฉินด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดการป้องกันหรือเปล่า ครั้งเดียวก็มีสิทธิ์นะน้องเอ๋ย อันนี้สิน่าเป็นห่วง เพราะฉะนั้นดูแลตัวเองไว้ก่อนเป็นดีที่สุด
ส่วนเรื่องงาน ถ้ายังต้องทำงานด้วยกันอยู่ พี่ก็คิดว่าเราต้องเป็นมืออาชีพพอที่จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับงาน ถ้ายังต้องทำงานด้วยกันอยู่ก็วางความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนในเรื่องงานให้ชัดเจน อย่าให้ความรู้สึกส่วนตัวมาทำให้งานเสีย
และปาร์ตี้คราวหน้าอย่าเมาเละจนไม่มีสติล่ะ
* ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai