ดัชนี Dow Jones ร่วง 200 จุด ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังคงดำเนินต่อไป

ดัชนี Dow Jones ยังคงร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

ดัชนี Dow Jones ร่วง 229.88 จุด สู่ 32,944.19 อันเป็นผลมาจากราคาหุ้นที่ลดลงของ Nike และ Apple ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.3% สู่ 4,204.31 ส่วน Nasdaq Composite ลดลง 2.2% สู่ระดับ 12,843.81

ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 มีนาคม) ว่า “มีการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกบางประการ” เกิดขึ้นในการเจรจาระหว่างเครมลินและยูเครน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเจรจาหยุดยิง ในขณะเดียวกันมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่า ยูเครนได้มาถึง “จุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์” ในการทำสงครามกับรัสเซียแล้ว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้รัสเซียยุติสถานะคู่ค้าตามที่ต้องการ ขณะที่สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายด้านเงินทุน ซึ่งรวมถึงเงินช่วยเหลือยูเครน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์

ดัชนี Dow Jones ร่วงต่อเนื่องมา 5 วันแล้ว เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังคงเป็นอุปสรรคต่อตลาดการเงิน S&P และ Nasdaq ตกลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดย Dow Jones ลดลง 2% ในขณะเดียวกัน S&P ลดลง 2.9% และ Nasdaq ลดลง 3.5% ในสัปดาห์นี้

จิม พอลเซน หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของกลุ่ม Leuthold กล่าวว่า “ข่าวดีที่เป็นไปได้จากการเจรจาหยุดยิงจากปูติน แต่นักลงทุนไม่แน่ใจว่าจะต้องให้น้ำหนักกับเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากความคิดเห็นก่อนหน้านี้บางส่วนของเขากลายเป็นเรื่องเหลวไหล”

อย่างไรก็ตาม Bank of America เชื่อว่า ความผันผวนของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสงครามอาจถึงจุดต่ำสุดแล้ว

การเคลื่อนไหวเกิดขึ้นท่ามกลางราคาพลังงานที่สูงขึ้นอีกวัน ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.9% เป็นประมาณ 109 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์มาตรฐานสากลขยับขึ้น 2.9% มาอยู่ที่ประมาณ 112 ดอลลาร์

ราคาโลหะยกเว้นทองแดงลดลงอย่างรวดเร็ว Palladium Futures ร่วงลง 4% ที่ 2,803.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาสินค้าเกษตรผันผวน และผลตอบแทนพันธบัตรส่วนใหญ่สูงขึ้น แม้ว่าจะมีเพียงเล็กน้อย

ในด้านข้อมูล ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนร่วงลงสู่ระดับ 59.7 ในเดือนมีนาคม ลดลงจาก 62.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2011

อ้างอิง: