×

Doctor Strange in the Multiverse of Madness ฉากแอ็กชันสุดตระการตา และเรื่องราวที่พาผู้ชมไปสำรวจทุกความรู้สึกของหมอแปลกมากกว่าครั้งไหนๆ

05.05.2022
  • LOADING...

หลังจากที่ซีรีส์ Loki (2021) และภาพยนตร์เรื่อง Spider-Man: No Way Home (2021) ได้เปิดประตูให้เราเข้ามาทำความรู้จักกับ ‘มัลติเวิร์ส’ ที่ดูจะเป็นเรื่องราวอันยิ่งใหญ่และมีความเป็นไปได้มากมายหลากหลายให้แฟนๆ ได้คาดเดา มันจึงยิ่งส่งให้ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ภาพยนตร์ภาคที่ 2 ของหมอแปลก ที่หยิบเรื่องราวของมัลติเวิร์สมาขยายความให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แถมยังได้ Sam Raimi จาก Spider-Man ไตรภาค มานั่งแท่นกำกับ กลายเป็นภาพยนตร์ MCU ที่น่าจับตามองมากที่สุดคงไม่ผิดนัก

 

ก่อนอื่นสำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามจักรวาล MCU แบบครบทุกเรื่อง และมีแผนว่าจะไปชม Doctor Strange in the Multiverse of Madness เราอยากแนะนำให้คุณย้อนกลับไปดูซีรีส์ WandaVision (2021) และภาพยนตร์เรื่อง Avengers: Infinity War (2018) มาก่อนน่าจะดีที่สุด เพราะปมปัญหาสำคัญของภาพยนตร์มีความเชื่อมโยงกับตัวซีรีส์และประเด็นของ Dr. Strange ใน Avengers: Infinity War อยู่ไม่น้อย

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 


 

Doctor Strange 2

 

เรื่องราวของ Doctor Strange in the Multiverse of Madness เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Dr. Strange (Benedict Cumberbatch) ได้บังเอิญมาพบกับ America Chavez (Xochitl Gomez) หญิงสาวผู้มีพลังในการเปิดประตูมิติคู่ขนาน ที่กำลังถูกไล่ล่าจากปีศาจปริศนา และทำให้เขารับรู้ถึงอันตรายบางอย่างที่จะส่งผลให้มัลติเวิร์สเกิดความโกลาหล Dr. Strange จึงต้องร่วมมือกับ America Chavez เพื่อปกป้องมัลติเวิร์สในครั้งนี้ 

 

Doctor Strange 2

 

หากดูจากตัวอย่างภาพยนตร์ที่ถูกปล่อยออกมา ดูเหมือนว่า Marvel Studios พยายามจะปั้นให้หน้าหนังของ Doctor Strange in the Multiverse of Madness มีความลึกลับซับซ้อนอยู่ไม่น้อย ทั้งเรื่องย่อของภาพยนตร์ที่เปิดเผยออกมาให้เราเห็นแบบคลุมเครือ ปมปัญหาของ Wanda (Elizabeth Olsen) ที่ถูกปูเอาไว้ในซีรีส์ WandaVision จะเชื่อมโยงกับภาพยนตร์อย่างไร การกระทำของ Dr. Strange ส่งผลต่อมัลติเวิร์สอย่างไร ที่มาที่ไปของตัวละครใหม่อย่าง America Chavez ไปจนถึงตัวละครลับมากมายที่อาจจะมาปรากฏตัวในภาพยนตร์ 

 

แต่ผู้กำกับ Sam Raimi (Spider-Man ไตรภาค, The Evil Dead) ก็ร้อยเรียงเรื่องราวที่ดูซับซ้อนเหล่านั้นให้ออกมาเข้าใจง่าย และชวนให้เราสนุกสนานไปกับการผจญภัยในมัลติเวิร์สของ Dr. Strange และ Wanda ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ผ่านกลวิธีนำเสนอที่ผสมผสานความสยองขวัญและการผจญภัยออกมาได้อย่างกลมกล่อม ทั้งการ Jump Scare ที่ถูกใส่เข้ามาอย่างตรงจังหวะ รวมถึงมุมกล้องและดนตรีประกอบที่เข้ามาเสริมให้ความสยองขวัญโดดเด่นมากขึ้น ขณะที่ฉากแอ็กชันเองก็อลังการงานสร้างไม่แพ้กัน โดยเฉพาะฉากแอ็กชันของ Wanda ที่มาพร้อมกับพลังเวทอันทรงพลังสมฉายา Scarlet Witch  

 

องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ Doctor Strange in the Multiverse of Madness แอบมีกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับ Spider-Man ไตรภาค ที่ผสมผสานความเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่กับความสยองขวัญออกมาได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีกิมมิกที่ชวนให้เราคิดถึงภาพยนตร์สยองขวัญอย่าง The Evil Dead (1981) หนึ่งในผลงานระดับขึ้นหิ้งของ Sam Raimi อีกด้วย 

 

Doctor Strange 2

 

อีกหนึ่งจุดเด่นที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัว คือการที่ภาพยนตร์พาเราไปสำรวจแง่มุมความรู้สึกของ Dr. Strange มากกว่าครั้งไหนๆ ไล่เรียงตั้งแต่ความสัมพันธ์ระหว่าง Dr. Strange และ Christine Palmer (Rachel McAdams) ที่ถูกขยายความให้ชัดเจนและลึกซึ้งมากขึ้นกว่า Doctor Strange ภาคแรก (2016) เคมีที่เข้ากันอย่างลงตัวของฮีโร่คู่หูอย่าง Dr. Strange และ Wong (Benedict Wong) ไปจนถึงการหยิบความยึดมั่นในเหตุผลและการตัดสินใจของตัวเองมาใช้เป็นปมปัญหาหลักที่ Dr. Strange ต้องเผชิญ ก็ทำให้เราได้ทำความรู้จักแง่มุมใหม่ๆ ของ Dr. Strange มากขึ้นกว่าเดิม

 

และการปรากฏตัวของ America Chavez ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้ปมปัญหาของ Dr. Strange เข้มข้นและชวนติดตามมากขึ้น มันจึงส่งให้การผจญภัยในมัลติเวิร์สของ Dr. Strange และ America Chavez ไม่ได้มีดีแค่ฉากแอ็กชันเท่านั้น แต่ยังพาเราไปเฝ้าดูการเติบโตของทั้งสองตัวละครอีกด้วย 

 

Doctor Strange 2

 

ตัดสลับมาที่ Wanda ด้วยความที่ปมปัญหาของเธอถูกนำเสนอผ่านภาพยนตร์ของ MCU มาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะในซีรีส์ WandaVision ที่พาผู้ชมไปสำรวจความเจ็บปวดของ Wanda ที่ต้องสูญเสียคนสำคัญไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เราได้รู้จักและเข้าใจตัวละคร Wanda มาพอสมควรแล้ว 

 

ดังนั้นบทบาทของ Wanda ใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness จึงเป็นการนำเสนอตัวตนของเธอหลังจากเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดทั้งหมดจนกลายมาเป็น Scarlet Witch มากกว่าจะเป็นการพาผู้ชมไปสำรวจความรู้สึกของ Wanda อย่างลึกซึ้งเท่ากับซีรีส์ WandaVision

 

Doctor Strange 2

 

ตัดสลับมาที่จุดที่เราไม่ชอบกันบ้าง โดยส่วนตัวเราค่อนข้างงุนงงเกี่ยวกับประเด็นของมัลติเวิร์สที่ภาพยนตร์พยายามจะนำเสนอ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เผยปมปัญหาสำคัญของเรื่อง ซึ่งภาพยนตร์เลือกที่จะปล่อยข้อมูลออกมาอย่างหนักหน่วงผ่านบทสนทนาของตัวละคร แต่กลับไม่ได้อธิบายให้เราเห็นภาพชัดเจนมากนัก มันจึงทำให้ในช่วงหลังของภาพยนตร์ เราเริ่มจะตามประเด็นของมัลติเวิร์สไม่ทันเท่าไร 

 

ในภาพรวมแล้ว Doctor Strange in the Multiverse of Madness เรียกว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของ Dr. Strange ที่สมการรอคอยแฟนๆ อย่างแน่นอน ทั้งฉากแอ็กชันที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างตื่นตาตื่นใจ การพาผู้ชมไปสำรวจความรู้สึกของ Dr. Strange ที่ลึกซึ้งมากกว่าครั้งไหนๆ และการนำเสนอตัวละครใหม่อย่าง America Chavez ที่ทำให้เราตกหลุมรักเธอได้อย่างอยู่หมัด ซึ่งแฟนๆ MCU คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่า Dr. Strange และ America Chavez จะมีบทบาทสำคัญต่อจักรวาล MCU ในอนาคตอย่างไรบ้าง 

  

Doctor Strange in the Multiverse of Madness เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์ 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่นี่

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising