×

Doctor Strange in the Multiverse of Madness กับ 4 เกร็ดน่าสนใจของหนัง MCU ที่มีความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุด

29.04.2022
  • LOADING...
Doctor Strange in the Multiverse of Madness

เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันแล้วที่แฟนๆ ของ Marvel Cinematic Universe จะได้ไปร่วมปกป้องมัลติเวิร์สที่กำลังคุ้มคลั่งใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องล่าสุดจาก Marvel Studios ที่มีกำหนดฉายในบ้านเราวันที่ 4 พฤษภาคมนี้  

 

THE STANDARD POP ถือโอกาสชวนแฟนๆ มาร่วมย้อนชม 4 เกร็ดน่าสนใจของ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ภาพยนตร์จากจักรวาล MCU ที่มีความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุดกันอีกครั้ง ก่อนไปร่วมปกป้องมัลติเวิร์สกับหมอแปลกพร้อมกันในโรงภาพยนตร์

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง: 

 


 

รับชมตัวอย่างได้ที่นี่

 

 

 

1. Doctor Strange in the Multiverse of Madness ฉบับของผู้กำกับ Scott Derrickson ก่อนส่งไม้ต่อให้กับ Sam Raimi 

 

อย่างที่แฟนๆ หลายคนทราบว่าแรกเริ่มเดิมที Doctor Strange ภาคที่ 2 จะได้ Scott Derrickson ผู้กำกับจาก Doctor Strange (2016) มารับหน้าที่สานต่อเรื่องราวของหมอแปลก

 

โดยในปีที่ Doctor Strange เข้าฉาย Scott Derrickson เคยพูดถึงไอเดียที่เขาอยากนำเสนอใน Doctor Strange ภาคที่ 2 ไว้ว่า เขาชื่นชอบตัวละคร Nightmare หนึ่งในตัวร้ายจาก Marvel Comics ผู้ปกครองมิติแห่งความฝัน แต่มันอาจจะไม่เหมาะสมนักหากเขาจะหยิบ Nightmare และมิติแห่งความฝันมาเล่าในภาพยนตร์ภาคแรก เขาจึงตัดสินใจไม่นำตัวละครนี้มาใช้ และหวังว่าในอนาคตเขาจะมีโอกาสหยิบเรื่องราวของ Nightmare มานำเสนออีกครั้งใน Doctor Strange ภาคที่ 2

 

กระทั่งในปี 2019 Kevin Feige หัวเรือใหญ่แห่ง Marvel Studios ก็ได้ออกมาประกาศชื่ออย่างเป็นทางการของ Doctor Strange ภาคที่ 2 ภายในงาน San Diego Comic-Con 2019 โดยใช้ชื่อว่า Doctor Strange in the Multiverse of Madness พร้อมได้ Scott Derrickson มานั่งแท่นผู้กำกับเช่นเดิม และจะถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของ MCU ที่จะมีกลิ่นอายของความสยองขวัญสอดแทรกอยู่ในเนื้อหา รวมถึงในภาคนี้จะมีการเปิดตัวตัวละครใหม่จากจักรวาล MCU ให้ผู้ชมได้ทำความรู้จัก 

 

แต่ระหว่างที่ภาพยนตร์อยู่ในช่วงพัฒนา ในปี 2020 ทาง Scott Derrickson ได้ตัดสินถอนตัวจากตำแหน่งผู้กำกับ เนื่องจากความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันของ Scott Derrickson และ Marvel Studios โดยเฉพาะการนำเสนอความสยองขวัญที่ Scott Derrickson อยากทำ ไม่ตรงกับทิศทางที่ Marvel Studios อยากจะให้เป็น 

 

และในท้ายที่สุด Doctor Strange in the Multiverse of Madness ก็ถูกส่งไม้ต่อให้กับ Sam Raimi ผู้กำกับจาก Spider-Man ไตรภาค และภาพยนตร์สยองขวัญระดับตำนานอย่าง The Evil Dead (1981) มาสานต่อเรื่องราวของหมอแปลก ส่วนทาง Scott Derrickson ก็ได้ย้ายไปกำกับภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องใหม่ของตัวเองในชื่อ The Black Phone ซึ่งดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ Joe Hill โดยมีกำหนดฉายในเดือนมิถุนายน 2022 

 


 

 

2. การกลับมากำกับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อีกครั้งในรอบ 15 ปีของ Sam Raimi 

 

นอกจากเรื่องราวของมัลติเวิร์สและเหล่าทัพนักแสดงมากฝีมือ อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้ Doctor Strange in the Multiverse of Madness กลายเป็นภาพยนตร์จาก MCU ที่น่าจับตามองมากที่สุด คือชื่อของผู้กำกับอย่าง Sam Raimi ซึ่งถือเป็นการกลับมากำกับภาพยนตร์อีกครั้งในรอบ 9 ปี หลังจากที่ภาพยนตรเรื่อง Oz the Great and Powerful เข้าฉายในปี 2013 และยังเป็นการกลับมานั่งแท่นกำกับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อีกครั้งในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่วันที่ Spider-Man 3 เข้าฉายในปี 2007

 

และถึงแม้ว่า Doctor Strange in the Multiverse of Madness จะเป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกในจักรวาล MCU ของ Sam Raimi ก็ตาม แต่ Sam Raimi ถือเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีส่วนสำคัญต่อจักรวาล MCU อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ นั่นคือภาพยนตร์ Spider-Man ไตรภาค กับกลวิธีนำเสนอและองค์ประกอบอันโดดเด่นของเรื่องที่กลายมาเป็นรากฐานสำคัญให้กับจักรวาล MCU มาจนถึงปัจจุบัน 

 

ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ อย่างสไตล์การใช้มุกตลกที่เสริมให้ภาพยนตร์สนุกสนานมากขึ้น เช่น ฉากที่ Peter Parker (Tobey Maguire) ทดลองใช้พลังเหนือมนุษย์จนเกิดความผิดพลาดต่างๆ ใน Spider-Man (2002) และการนำกิมมิกจาก Comics ต้นฉบับมาสอดแทรกไว้ให้แฟนๆ ได้ตื่นเต้น ฯลฯ ซึ่งองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่สอดแทรกอยู่ในภาพยนตร์ MCU หลายๆ เรื่อง รวมถึงกลวิธีนำเสนอของ Spider-Man ภาคแรกยังเป็นรูปแบบการเล่าเรื่องต้นกำเนิดฮีโร่ที่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หลายๆ เรื่องหยิบมาใช้อีกด้วย

 

ไม่เพียงเท่านั้น แม้ว่า Spider-Man จะเป็นภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่ที่โดดเด่นด้วยฉากแอ็กชัน แต่ Sam Raimi ยังใช้การนำเสนอแบบภาพยนตร์สยองขวัญมาผสมผสานเข้ากับเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่ได้อย่างลงตัว เช่น ฉากที่ Norman Osborn (Willem Dafoe) กำลังพูดคุยกับด้านมืดของตัวเองใน Spider-Man ภาคแรก ฯลฯ ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่าทาง Marvel Studios เองก็พยายามนำสไตล์การเล่าเรื่องของภาพยนตร์หลายๆ แนวมาผสมผสานเข้ากับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ของตัวเอง เพื่อสร้างความแปลกใหม่และแตกต่างให้กับจักรวาล MCU อยู่เสมอ

 

นอกจากองค์ประกอบและกลวิธีนำเสนอของ Spider-Man ไตรภาคที่มีอิทธิพลต่อภาพยนตร์จากจักรวาล MCU แล้ว ยังมีทีมงานเบื้องหลังที่เคยร่วมงานกับ Sam Raimi และ Marvel Studios ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวเช่นกัน เช่น Grant Curtis เอ็กซ์คลูซีฟโปรดิวเซอร์ของ Moon Knight ซีรีส์เรื่องล่าสุดจาก Marvel Studios ที่เคยร่วมงานกับ Sam Raimi จากภาพยนตร์ Spider-Man ไตรภาคในตำแหน่งโปรดิวเซอร์ เคยออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จาก Sam Raimi ว่า Sam Raimi คือผู้กำกับที่ให้ความสำคัญกับการสร้างคาแรกเตอร์และการเล่าเรื่องราวของตัวละครมากกว่าการสร้างฉากแอ็กชัน และนั่นถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ตัวละครของจักรวาล MCU มีเสน่ห์ที่น่าจดจำและสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี  

 

จากทั้งหมดที่กล่าวมา การที่ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ได้ Sam Raimi มานั่งแท่นผู้กำกับ ดูจะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างยิ่ง ซึ่งน่าจับตามองมากๆ ว่า Sam Raimi ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Spider-Man ไตรภาค และภาพยนตร์สยองขวัญระดับตำนานอย่าง The Evil Dead (1981) จะนำเสนอเรื่องราวของมัลติเวิร์สที่ผสมผสานกับความสยองขวัญออกมาเป็นอย่างไร 

 


 

 

3. ทัพนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือ ที่จะพาผู้ชมเดินทางสู่มัลติเวิร์ส

 

นอกจากชื่อของ Sam Raimi แล้ว Doctor Strange in the Multiverse of Madness ยังคับคั่งไปด้วยทัพนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือ นำโดย Michael Waldron ที่เคยพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ (The Sacred Timeline) มาแล้วในซีรีส์ Loki (2021) มารับหน้าที่เขียนบท 

 

พร้อมด้วย John Mathieson ผู้กำกับภาพที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จาก Gladiator (2000), Bob Murawski เจ้าของรางวัลออสการ์จาก The Hurt Locker (2008) และ Tia Nolan จาก Thunder Force (2021) มารับหน้าที่ตัดต่อร่วม, Charles Wood โปรดักชันดีไซต์ผู้อยู่เบื้องหลังฉากสุดอลังการใน Avengers: Infinity War (2018) และ Avengers: Endgame (2019) และ Danny Elfman คอมโพเซอร์ที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จาก Good Will Hunting (1997) มารับหน้าที่ประพันธ์ดนตรีประกอบ

 

เสริมทัพด้วยทีมนักแสดงชุดเก่าที่จะกลับมาสานต่อเรื่องราวของหมอแปลกอีกครั้ง นำโดย Benedict Cumberbatch, Elizabeth Olsen, Benedict Wong, Chiwetel Ejiofor และ Rachel McAdams พร้อมด้วย Xochitl Gomez นักแสดงสาวจากซีรีส์ The Baby-Sitters Club (2020) ที่จะมาสวมบทเป็น America Chavez ฮีโร่คนใหม่ของจักรวาล MCU 

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง: 

 


 

 

4. สารพัดข่าวลือของตัวละครที่อาจจะมาปรากฏตัวใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness

 

นับตั้งแต่วันที่ภาพยนตร์เรื่อง Spider-Man: No Way Home (2021) ได้สร้างเซอร์ไพรส์กับแฟนๆ ด้วยการพา Spider-Man ทั้ง 3 เวอร์ชันอย่าง Tom Holland, Andrew Garfield และ Tobey Maguire มาร่วมทีมบนจอยักษ์ และกลายเป็นการเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของจักรวาล MCU จึงส่งผลให้ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ที่ว่าด้วยเรื่องราวของมัลติเวิร์สหรือจักรวาลคู่ขนาน มีข่าวลือเกี่ยวกับตัวละครที่อาจจะมาปรากฏตัวในภาคนี้ออกมาให้แฟนๆ ได้คาดเดากันอย่างต่อเนื่อง 

 

โดยหนึ่งในตัวละครที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เห็นจะเป็น Charles Xavier หรือ Professor X ที่ปรากฏตัวแบบรางๆ ในตัวอย่าง พร้อมกับเสียงบรรยายที่แฟนๆ หลายคนคาดเดากันว่าอาจจะเป็นเสียงของ Patrick Stewart นักแสดงที่รับบทเป็น Charles Xavier ในภาพยนตร์ X-Men (2000) ซึ่งในเวลาต่อมา Patrick Stewart ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเสียงที่อยู่ในตัวอย่างคือเสียงของเขาจริงๆ 

 

นอกจากตัวละคร Charles Xavier ที่ปรากฏตัวในตัวอย่างแล้ว ยังมีการคาดเดากันอีกว่า Illuminati หนึ่งในกลุ่มตัวละครสำคัญจาก Marvel Comics ก็อาจมาปรากฏตัวในภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน โดยกลุ่ม Illuminati คือกลุ่มที่กำเนิดขึ้นจากการรวมตัวกันของฮีโร่ระดับแถวหน้าเพื่อคอยรับมือกับภัยร้ายต่างๆ อยู่เบื้องหลัง ประกอบไปด้วย Dr.Strange, Charles Xavier ผู้นำแห่งกลุ่ม X-Men, Black Bolt ผู้นำแห่งกลุ่ม Inhumans, Reed Richards จากทีม Fantastic Four, Namor the Sub-Mariner แห่งอาณาจักรแอตแลนติส และ Iron Man  

 

โดยในจำนวนนี้มี 2 ตัวละครที่น่าสนใจคือ Reed Richards ที่มีการคาดเดากันว่า Ioan Gruffudd ผู้เคยรับบทนี้มาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Fantastic Four (2005) อาจจะกลับมารับบทนี้อีกครั้ง หรือ John Krasinski ก็เป็นนักแสดงอีกคนที่มีข่าวลือว่าอาจจะมารับบทนี้เช่นกัน

 

ส่วนตัวละคร Iron Man ก็มีการคาดเดาว่า Tom Cruise อาจจะเป็นนักแสดงที่จะมารับบทนี้ต่อจาก Robert Downey Jr. เนื่องจาก Tom Cruise คือหนึ่งในนักแสดงที่ถูกเล็งให้มารับบทนี้ในภาพยนตร์เรื่อง Iron Man (2008) นอกจากนี้ยังมีการคาดเดาว่าบทของ Tom Cruise อาจจะเป็นตัวละคร Superior Iron Man ซึ่งเป็นตัวละครที่มีความมืดหม่นและทรงพลังมากกว่าก็เป็นได้เช่นกัน

 

และเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ทาง Marvel Studios ก็ได้ปล่อยคลิปโปรโมตตัวใหม่ของภาพยนตร์ออกมา ซึ่งเผยฉากที่ตัวละคร Karl Mordo (Chiwetel Ejiofor) กำลังพา Dr.Strange ไปที่หน้าบัลลังก์แห่งหนึ่งพร้อมพูดชื่อของ Illuminati ออกมา ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเราจะได้เห็นกลุ่มตัวละคร Illuminati มาปรากฏตัวในภาพยนตร์อย่างแน่นอน 

 

ยังมีตัวละครที่น่าสนใจที่มีข่าวลือว่าจะมาปรากฏตัวในภาพยนตร์อีกหลายตัวด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเหล่าตัวละครสำคัญจากซีรีส์ Loki (2021) ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วุ่นวายของเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ เช่น Loki (Tom Hiddleston) และ He Who Remains (Jonathan Majors), Monica Rambeau (Teyonah Parris) ที่เคยปรากฏตัวมาแล้วในซีรีส์ WandaVision (2021) ไปจนถึงตัวละครอย่าง Ghost Rider จากฉบับภาพยนตร์ที่รับบทโดย Nicolas Cage รวมถึง Ghost Rider จากในซีรีส์ Agents of S.H.I.E.L.D. (2013) ซึ่งรับบทโดย Gabriel Luna และตัวละครฮีโร่สุดกวนอย่าง Deadpool (Ryan Reynolds) ที่อาจจะมาปรากฏตัวในจักรวาล MCU เป็นครั้งแรก ฯลฯ

 

สุดท้ายแล้ว Sam Raimi จะนำเสนอเรื่องราวของ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ออกมาในรูปแบบไหน ข่าวลือเกี่ยวกับตัวละครที่อาจมาปรากฏตัวจะเป็นจริงหรือไหม รวมถึงเรื่องราวของมัลติเวิร์สอันวุ่นวายครั้งนี้จะส่งผลต่อจักรวาล MCU ในอนาคตอย่างไร แฟนๆ คงจะต้องร่วมหาคำตอบทั้งหมดนี้ไปพร้อมกัน 4 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising