“เราอยากทำคาเฟ่ที่ให้คนรู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่แรกเห็นและก้าวแรกที่เดินเข้ามา” คุณพีช-กานต์พิชชา เกียรติขจรฤทธิ์ เจ้าของร้าน เล่าถึงจุดเริ่มต้นของคาเฟ่แห่งนี้
“ครอบครัวของพีชทำธุรกิจสปา Divana Spa มากว่า 17 ปีแล้ว เป็นสปาที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนในเรื่องของการบริการ ความผ่อนคลาย และผลิตภัณฑ์สปา เมื่ออยากต่อยอด อยากทำอะไรเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากสปา เราจึงมาคิดกันว่าถ้าบางคนมีเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง จะไปเข้าสปาก็ไม่ทัน ฉะนั้นมีสถานที่อะไรบ้างที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที
“พีชในฐานะหลานจึงนำโจทย์นี้มาคิดดูว่าอะไรที่ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง จึงมองถึงไลฟ์สไตล์ของคนเมืองในปัจจุบันที่เมื่อมีเวลาก็จะไปออกกำลังกายในสวน พาตัวเองออกจากความวุ่นวาย ไปอยู่กับธรรมชาติ แต่ด้วยข้อจำกัดของเวลา พีชจึงยกสวนมาไว้ในห้างเสียเลย (ยิ้ม) โดยดึงเอกลักษณ์และจุดเด่นของสปามาเป็นตัวชูโรง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผ่อนคลาย กลิ่น และสัมผัสต่างๆ”
The Vibe
ด้วยบรรยากาศที่เหมือนยกสวนมาไว้ใจกลางเมือง เป็นความผ่อนคลายที่สัมผัสได้ในทันทีโดยส่งผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสมาไว้รวมกัน โดยมีคีย์หลักอยู่ที่ ต้องการให้คนที่ถือถุงช้อปปิ้งพะรุงพะรัง พอเห็นร้านเราปุ๊บ ต้องอยากวางถุงลงและเข้ามานั่งทันที
“พีชออกแบบบรรยากาศในร้านเป็นสวนสไตล์อินเตอร์ที่ดูแวบแรกอาจดูคล้ายสวนอังกฤษ แต่พอสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเราใช้ดอกไม้ไทยแทบทั้งหมด เช่น ดอกกล้วยไม้ ดอกหน้าวัว
“เราแบ่งพื้นที่ภายในร้านตามซีรีส์ผลิตภัณฑ์สปาของ Divana ทั้ง 4 ชนิดคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ โดยดึงเอกลักษณ์และจุดเด่นของแต่ละคอนเซปต์ออกมา เริ่มตั้งแต่ด้านหน้าร้านที่เป็นตัวแทนของน้ำ ที่เราต้องการเปลี่ยนอารมณ์ของลูกค้าที่เพิ่งเดินช้อปปิ้งมาเหนื่อยๆ ให้ผ่อนคลายลง จึงตกแต่งด้วยกระจกที่ดูคล้ายเกล็ดหิมะ พร้อมอ่างล้างมือที่จะให้ลูกค้าล้างมือด้วยผลิตภัณฑ์ของ Divana Spa เพื่อมอบความผ่อนคลายให้พร้อมเตรียมรับประทานอาหาร
“ต่อมาเป็นดิน เราเนรมิตบริเวณนี้เป็นอุโมงค์ดอกไม้เพื่อสื่อถึงธรรมชาติให้มากที่สุด เป็นทางเดินไปสู่ที่นั่งด้านใน ถัดไปเป็นตัวแทนของลม คือโต๊ะเก้าอี้ริมระเบียงที่โปร่ง โล่ง และนั่งสบายด้วยเก้าอี้ขนาดใหญ่ที่จัดวางเว้นระหว่างห่างเพื่อความเป็นส่วนตัว และสุดท้ายคือไฟ แทนส่วนครัว ซึ่งทุกมุมภายในร้านเชื่อมโยงกันด้วยกลิ่นหอมๆ ที่มาจากเครื่องพ่นตามจุดต่างๆ พร้อมด้วยแฮนด์ครีมที่จัดวางเอาไว้ทุกโต๊ะให้ลูกค้าได้ลองใช้ตามใจชอบ และเพื่อยืนยันว่ากลิ่นหอมๆ เหล่านี้มาจากธรรมชาติ 100% จึงไม่ตีกับกลิ่นอาหารอย่างแน่นอน”
Drip Coffee in Roasted Coconut Water
The Drinks
Drip Coffee in Roasted Coconut Water (200 บาท) กาแฟมะพร้าว เบลนด์กาแฟที่เกิดจากกาแฟคั่วอ่อนจาก 3 ประเทศคือ อินโดนีเซีย ไทย และแอฟริกาเข้าด้วยกัน ผสมกับน้ำมะพร้าวแทนการใช้น้ำเปล่า ทำให้มีบอดี้ค่อนข้างเบา มีความหอมหวานจากน้ำมะพร้าวที่เข้ากันได้อย่างลงตัวและให้ความสดชื่น
คุณพีชเล่าว่า “เนื่องจากพีชแพ้กาเฟอีน ดื่มกาแฟแล้วเวียนหัว จึงไม่ดื่มกาแฟเลย แต่พอทำร้านก็ต้องชิมทุกเมนูก่อนขายจริง ซึ่งก็เหลือเมนูกาแฟที่เราต้องชิม ระหว่างนั้นพีชเหลือบไปเห็นน้ำมะพร้าววางอยู่ จึงบอกให้บาริสต้านำไปผสมกับกาแฟแทนน้ำเปล่าให้หน่อยเพื่อหวังว่าจะช่วยให้ดื่มง่ายขึ้น ซึ่งปรากฏว่าอร่อย รสชาติดี และที่สำคัญ พีชดื่มแล้วไม่ปวดหัว จึงกลายมาเป็นเมนูเด่นประจำร้าน”
Raya Rose Lychee Soda
Raya Rose Lychee Soda (160 บาท) แก้วนี้ถูกใจสาวๆ ด้วยความหวานจากน้ำลิ้นจี่ กุหลาบ และความซ่าของโซดาที่เข้ากันได้อย่างลงตัว Prana Lemongrass Honeycomb Smoothies (180 บาท) อีกหนึ่งเมนูที่ผ่อนคลาย และเติมเต็มความสดชื่นได้ดีด้วยส่วนผสมของน้ำผึ้ง น้ำมะนาว บวกกับตะไคร้ที่สร้างกลิ่นหอมที่ปลายลิ้น ให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนนั่งอยู่ในสวนตอนกลางวัน
Prana Lemongrass Honeycomb Smoothies
The Dishes
อาหารนานาชาติที่แฝงด้วยเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ตั้งชื่อเมนูตามกลิ่นเฉพาะของผลิตภัณฑ์สปา และการตกแต่งที่สวยงาม น่าสนใจ ทั้งยังเสิร์ฟมาในขนาดจุใจให้แชร์กับเพื่อนได้อย่างพอเหมาะ
Divana Signature Afternoon Tea Set
Divana Signature Afternoon Tea Set (1,200 บาท) เซตอาฟเตอร์นูนทีที่มีความอินเตอร์และความเป็นไทยผสมผสานรวมอยู่ด้วยกัน จุดเด่นเรื่องความแตกต่างทั้งการตกแต่งและขนมทั้ง 11 ชนิดที่เสิร์ฟบนภาชนะเครื่องทองเหลืองดีไซน์ย้อนยุค เริ่มด้วยอาหารคาว 2 ชนิด ทูน่าน้ำพริกเผากับครีมชีสแซลมอน, พานาคอตต้ากุหลาบ, ข้าวเหนียวมะม่วง, เค้กมะพร้าวอ่อน, แหนมเนืองดอกไม้, ชูครีมชาไทย, ช็อกโกแลตลาวา, สโคน, ขนมอาลัวสดรูปดอกไม้ที่เสิร์ฟมาบนตาชั่ง และเยลลี่ลายดอกไม้ พร้อมด้วยชาที่มีให้เลือกถึง 6 ชนิดที่เป็นสูตรเฉพาะของที่ร้าน สั่งผลิตและเบลนด์จากประเทศเยอรมนี
Raya Rose Tea Leaf Salad
Raya Rose Tea Leaf Salad (250 บาท) ได้แรงบันดาลใจมาจากสลัดของพม่าที่ประกอบด้วย ผักคอส เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ งา เมล็ดทานตะวัน ถั่วพิสตาชิโอ ราดด้วยน้ำสลัดใบชากุหลาบ พร้อมด้วยกลีบกุหลาบท็อปด้านบน
Classic Divana Toast
โทสต์เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ Classic Divana Toast (250 บาท) หอมหวานราวกับคัสตาร์ดที่ต้องใช้เวลากริลล์ถึง 20 นาทีด้วยไฟอ่อน จนได้เนื้อสัมผัสภายนอกที่กรอบนอกชุ่มใน และต้องทำใหม่ชิ้นต่อชิ้นเพื่อความอร่อย
Egg Benedict – Smoked Salmon
ไข่ดาวน้ำที่หลายคนชื่นชอบ Egg Benedict – Smoked Salmon (350 บาท) ท็อปบนขนมปังปิ้งและแซลมอนรมควัน ราดด้วยซอสสูตรพิเศษที่มีความหอมของสมุนไพรไทย รสเปรี้ยว หวาน มันกำลังดี และที่สำคัญ ไม่เลี่ยน
Duck Confit Burger
Duck Confit Burger (320 บาท) เบอร์เกอร์เป็ดกรอบ นำเป็ดไปต้มพะโล้จนเนื้อนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศ จากนั้นจัดเรียงขนมปังแล้ววางทับด้วยบีตรูตฝานบางๆ เป็ดราดด้วยซอสสูตรเฉพาะที่คล้ายกับซอสเป็ดปักกิ่งผสมกับมายองเนส ทับด้วยแอปเปิ้ลเขียว แตงกวา และขิง เพื่อเพิ่มรสสัมผัสที่แตกต่าง
Divana Signature Cafe
Open: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00-21.30 น.
Address: ชั้น 2 โซนเอเทรียม ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
Budget: กาแฟเริ่มต้นที่ 90 บาท (Espresso)
Contact: 0 2252 2614, 0 2252 2615
Page: www.facebook.com/divanasignaturecafe
Map: