ธุรกิจโรงแรมไม่ได้ง่ายเหมือนอดีต เพราะเจอ Distruption จากเทคโนโลยีอย่างการเกิดขึ้นของสตาร์ทอัพ ที่ไม่ต้องเป็นเจ้าของโรงแรม แต่ให้บริการที่พักได้
แล้วธุรกิจโรงแรมในยุคเปลี่ยนผ่านนี้ต้องทำอย่างไร ลองหาทางออกกับ เดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR บริษัทลูกของสิงห์ เอสเตท
ความท้าทายของธุรกิจโรงแรม เศรษฐกิจไม่แน่นอน-เงินบาทแข็งค่า
เดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ เล่าว่าความท้าทายของธุรกิจปีนี้มาจากความไม่แน่นอนทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันมีกรณีเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอาจจะมาเที่ยวไทยลดลง เนื่องจากปัจจุบันไทยมีรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศคิดเป็น 12% ของ GDP
ทว่าข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่าช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2562 นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 26.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.6% โดยเป้าหมายปีนี้คาดว่าจะสูงถึง 40 ล้านคน การเติบโตของจำนวนนักท่องเท่ียวส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมเช่นกัน
ขณะเดียวกันเงินบาทที่แข็งค่ายังส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวขาออก ซึ่งคาดว่าปี 2563 คนไทยจะเดินทางไปต่างประเทศ 11 ล้านคน จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่าจำนวนคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นทุกปี
ดังนั้น บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR จึงเน้นเพิ่มช่องทางการหารายได้ในต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยง และขยายสู่เซกเมนต์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองลูกค้าทุกกลุ่ม
ไม่หวั่นเทรนด์โลกชะลอตัว SHR เปิด 4 โมเดลหารายได้จากโรงแรมในต่างประเทศ
เดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ เล่าต่อว่า SHR มีโมเดลธุรกิจที่กระจายความเสี่ยงในต่างประเทศ ทำให้โครงสร้างรายได้ตอนนี้แบ่งเป็น 60% จากโรงแรมที่ SHR บริหารผ่านสัญญาบริหารจัดการ (Hotel Management Agreement) 30% จากโรงแรมที่ SHR บริหารจัดการเอง และ 10% จากโรงแรมในสหราชอาณาจักรที่ SHR บริหารจัดการผ่านสัญญาแฟรนไชส์
ทั้งนี้ SHR เป็นเจ้าของและบริหารโรงแรม 39 แห่ง โดยมีห้องพักรวม 4,647 ห้องใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย, ฟิจิ, มอริเชียส, มัลดีฟส์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่องและสร้างรายได้มั่นคงให้บริษัท โดยมีโมเดลการบริหาร 4 แบบ ได้แก่
- โรงแรมที่ SHR บริหารจัดการเองทุกอย่าง (Self-Managed Model) เช่น สันติบุรี เกาะสมุย และพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ต ที่จังหวัดกระบี่
- โรงแรมที่บริหารด้วยสัญญาแฟรนไชส์ (Franchise Model) ปัจจุบัน SHR มีพันธมิตรในระดับสากล เช่น Hard Rock, Hilton, Mercure และ Holiday Inn
- โรงแรมที่ SHR เข้าไปบริหารตามสัญญาบริหารจัดการโรงแรม (Hotel Management Agreement Model) เช่น SHR มีสัญญา HMA กับแบรนด์ Outrigger ใน 4 ประเทศทั่วโลก
- SHR จะพัฒนาแบรนด์โรงแรมขึ้นใหม่ (Home-Grown Brand Model) ซึ่งสามารถต่อยอดไปสู่การเป็นผู้บริหารจัดการโรงแรมของผู้ประกอบการอื่นในอนาคต เช่น แบรนด์ใหม่ชื่อ ‘SAii’ ที่เปิดตัวเป็นแห่งแรกในโครงการ Crossroads ที่ประเทศมัลดีฟส์
ขณะเดียวกัน SHR ยังเห็นโอกาสในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ผ่านการสัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเอง (Experiential Travelling) ซึ่งทั่วโลกมีมูลค่า 8,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมิลเลนเนียล โดย SHR จะขยาย Lifestyle Upscale Segment (4-4.5 ดาว) ซึ่ง SHR มีแบรนด์โรงแรมที่หลากหลายถึง 7 แบรนด์ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต่างกัน
SHR เตรียม M&A ซื้อโรงแรมต่างประเทศ ชี้ปี 2568 มี 80 โรงแรมในเครือ
จากเมื่อปี 2561 ธุรกิจโรงแรมและบริการสร้างรายได้รวม 34% ของสิงห์ เอสเตท ถือว่าเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ขณะที่ปลายปี 2562 นี้คาดว่าจะพา SHR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เสร็จสิ้น ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้จะทำให้ SHR สามารถลงทุนเชิงกลยุทธ์และการจัดการโรงแรมได้ดียิ่งขึ้น เช่น การลงทุนโครงการใหม่ การปรับปรุง หรือก่อสร้างโรงแรม ฯลฯ
ทั้งนี้หลังจาก SHR เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของสิงห์ เอสเตท ที่จะถือหุ้นใหญ่ไม่น้อยกว่า 58% ของหุ้นทั้งหมดใน SHR
ในขณะที่ปี 2563 สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้าหมายเป็น Global Holding Company และปี 2568 SHR คาดว่าจะขยายโรงแรมในเครือเพิ่มขึ้นเป็น 80 แห่ง และมีห้องพักรวม 8,000 ห้อง ผ่านการลงทุนซื้อกิจการและความร่วมมือกับพันธมิตรในระดับโลก
หลังจากนี้คงต้องจับตาการเข้าตลาดของ SHR ในช่วงสิ้นปี และติดตามก้าวต่อไปของสิงห์ เอสเตท ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์